บิ๊กตู่ แจง ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ ลั่นมันเรื่องของผม ยันไม่ใช่ตัวขัดแย้ง แต่มาแก้ไข อุบ 4 เม.ย. พาผู้สมัคร รทสช. ไปสมัครบัญชีรายชื่อหรือไม่ ยันไม่จริงย้ายศาสนา
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 29 มี.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน EXPO 2028 Phuket Thailand ว่า ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ โดยเฉพาะช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง ขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย วันนี้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ถือว่าประเทศไทยก้าวมาไกลพอสมควร และยังคงต้องก้าวต่อไป เราต้องทำให้ประเทศมีเอกภาพ มีความมั่นคงปลอดภัย วันนี้เรามีความพร้อมในเกือบทุกด้าน
เมื่อถามว่า วันที่ 4 เม.ย. ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะเดินทางนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปสมัครด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวขอคุยหารือกับพรรคก่อน ซึ่งขณะนี้พรรคกำลังทำอีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องการจัดลำดับต่างๆ เสร็จแล้วจะต้องมาหารือกับตนในเรื่องการเลือกตั้ง ตนไม่อยากพูดในวาระตรงนี้ เพราะบทบาทตอนนี้เป็นนายกฯ อยู่ในทำเนียบรัฐบาล
เมื่อถามกรณีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ที่ปรึกษาพรรคเพื่อชาติ เสนอทางออกประเทศแก้ความขัดแย้ง โดยระบุว่า “ให้กลืนเลือดกันคนละก้อน” หลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อมารับโทษ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากพูดอะไรก็พูดไป
เมื่อถามอีกว่า อยากให้นายทักษิณกลับมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ส่วนตัวยังไม่มีความเห็นอะไร ก็คิดกันเอาแล้วกัน แล้วทั้งหมดผมไม่ได้เป็นตัวความขัดแย้ง ผมเข้ามาแก้ไขความขัดแย้งทุกคนก็เห็นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นใครจะพูดอะไรก็พูดไป ประชาชนก็แยกแยะกันเอาเอง สื่อก็ช่วยแยกแยะด้วยแล้วกัน ถ้าเอาทุกคำพูดมาเป็นประเด็น ก็ทะเลาะกันทั้งวันนั่นแหละ โต้กันไปโต้กันมา ฉะนั้น ผมไม่พูดเสียดีกว่า”
เมื่อถามถึงเหตุผลที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลงส.ส.บัญชีรายชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เฮ้อ มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของผม แต่ทุกอย่างเขาก็มีการชี้แจงแล้วไม่ใช่หรือ จะลงก็ได้ไม่ลงก็ได้ รัฐธรรมนูญกำหนดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ก็มันเรื่องของผม แต่ยืนยันว่าผมไม่ได้แต่ใช้อำนาจอย่างเดียว อยู่มา 4 ปีใช้อำนาจได้เต็มที่ได้ที่ไหนล่ะ ผมก็สามารถประคับประคองพรรคร่วมทำงานได้หมดทุกกระทรวง 36 คน แล้วผมไปใช้อำนาจบังคับเขาตรงไหน
ผมรู้กาลเทศะในการทำงาน รู้ถึงบทบาทหน้าที่ ขอให้ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อะไรที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งก็ขอให้เบาๆ หน่อย โอกาสของเราจะหายไปทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าผมจะอยู่หรือไม่อยู่ มันไม่ใช่ ไอ้นั่นก็เป็นเรื่องของผม เป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป แต่สำคัญที่สุดคือประเทศชาติต้องอยู่ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด”
เมื่อถามว่า วันที่ 30 มี.ค. มีภารกิจช่วงบ่ายที่จะไปร่วมกิจกรรมของพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ เนื่องจากมีรายงานว่านายกฯ จะลาราชการในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ หันไปถามคณะทำงานพร้อมกล่าวว่า เดี๋ยวขอเช็กอีกที ทำไม สื่อจะตามไปด้วยหรือ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงว่า จากการเดินทางไปเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1444 เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอย่าลืมว่าประเทศไทยมีศาสนาหลักอยู่ 5 ศาสนา รัฐบาลต้องดูแลทุกศาสนาให้อยู่กันอย่างสันติสุข เพราะทุกศาสนามีส่วนที่ดีอยู่แล้ว ทำให้สังคมมีความสุขอยู่กันอย่างพหุวัฒนธรรม แต่ก็ยังมีหลายคนไปพูดว่า ช่วงนี้ตนไปงานที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลามบ่อยๆ คงจะไปเป็นสมาชิกของเขาไปแล้ว ไปพูดอย่างนี้ไม่ได้ ทำให้เสียหายกับประเทศ
“ยืนยันว่าผมนับถือศาสนาพุทธมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่ปู่ย่า ตายาย พ่อ แม่ ภรรยา ลูก ก็นับถือศาสนาพุทธ มีการพยายามไปบิดเบือนในสังคมโซเชียล จึงขอยืนยัน แต่ผมเคารพในทุกศาสนา ผมให้เกียรติกับทุกคน และวันเดียวกันนี้จะมีอีกหนึ่งคณะที่เดินทางมาจากภาคใต้มาพบผม เดี๋ยวก็จะไปพูดกันอีกว่า นายกฯ จะเปลี่ยนศาสนา ขอร้องสื่ออย่าไปขยายความให้กับเรื่องเหล่านี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว