หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา พ.ศ.2555 พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เสนอ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2564 “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า หลังจาก ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.ก.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ขั้นตอนการดำเนินต่อไปคือการนำเสนอทูลเกล้าฯ เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย พ.ร.ก. คาดว่าภายในเดือนมกราคม 2565 หลังจากนั้นจะเข้านำที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การรับรองต่อไป
ดร.ก้องศักดกล่าวว่า สำหรับเนื้อหาของร่าง พ.ร.ก.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ได้ปรับให้สอดคล้องกับกฎบัตรขององค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาดา) ซึ่งประเด็นหลักคือ การแก้ไขบทนิยามต่างๆ เช่น สารต้องห้าม วิธีการต้องห้าม บุคลากรต่างๆ และองค์กร รวมทั้งฐานความผิด กระบวนการอุทธรณ์ครอบคลุมตามวาด้าแล้ว
“เนื้อหาใน พ.ร.ก.ได้มีการแก้ไขบทลงโทษ รวมทั้งการเข้าตรวจสารต้องห้าม ซึ่งตามเดิมมีข้อกำหนดให้สามารถเข้าตรวจได้ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก แต่ได้ปลดล็อกให้สามารถเข้าตรวจในตอนกลางคืนได้ โดยจะมีเงื่อนไขคือจะต้องเข้าข่ายการใช้สารต้องห้ามอีกด้วย”
ผู้ว่าการ กกท.กล่าวอีกว่า ภายหลังจากบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว รัฐบาลไทย และคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ จะรีบทำหนังสือแจ้งไปยังวาด้าให้รับทราบว่า เราได้แก้ไขกฎหมายให้สอดคล้อง เพื่อให้วาด้าปลดล็อกโทษแบนทันทีในเรื่องของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ
ดร.ก้องศักดกล่าวอีกว่า ส่วนบทลงโทษห้ามผู้แทนชาวไทยปฏิบัติหน้าที่ในสหพันธ์กีฬาระดับนานาชาตินั้น ตามเดิมจะมีโทษ 1 ปี รวมทั้งเรื่องการห้ามใช้ธงชาติไทยในการแข่งขันระดับนานาชาตินั้นจะปลดล็อกได้ในการแข่งขันครั้งถัดไป ดังนั้น ทางไทยจะยื่นอุทธรณ์เจรจากับวาด้าขอให้ลดโทษใน 2 ส่วนนี้ทันทีด้วย
ผู้ว่าการ กกท.กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเรื่องการห้ามใช้ธงชาติไทยในการแข่งขันระดับนานาชาตินั้นหากการเจรจากับวาด้าไม่เป็นผล ก็จะยังไม่สามารถใช้ธงชาติไทยได้ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ 2022 ที่นครหางโจว ประเทศจีน รวมทั้งเอเชี่ยนอินดอร์ และมาร์เชียล อาร์ตเกมส์ ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในปีหน้าด้วย เนื่องจากจะต้องรอไปจนถึงการแข่งขันครั้งต่อไป จึงจะสามารถกลับมาใช้ธงชาติไทยได้ รวมทั้งมหกรรมกีฬาต่างๆ ด้วย
“อย่างไรก็ตาม หากการอุทธรณ์กับวาด้าไม่เป็นผล เราคงจะต้องร้องไปยังศาลอนุญาโตตุลาการการกีฬา (CAS) เพื่อขอให้พิจารณาลดบทลงโทษทั้งหมด แต่ผมหวังว่าจะไม่ไปถึงขั้นนั้น และหวังว่าบทลงโทษทั้งหมดจะจบลงที่วาด้า” ผู้ว่าการ กกท.กล่าวปิดท้าย