สภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันเหลือเวลาอีก 3 เดือนก่อนครบวาระ แม้จะมีส.ส.ทยอยลาออกเพื่อย้ายพรรคจำนวนมาก แต่การเมืองในสภายังคงส่งสัญญาณร้อนแรงต่อเนื่องข้ามปี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เผยว่า
ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านร่างญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนจะเปิดให้สมาชิกพรรคฝ่ายค้านร่วมลงชื่อ และยื่นญัตติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ไม่เกินวันที่ 28 ธันวาคมนี้
โดยคาดว่าสภาจะบรรจุวาระให้เปิดอภิปรายได้ในช่วงปลายเดือนมกราคม 2566 พรรคฝ่ายค้านเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะยังไม่ยุบสภาในช่วงนั้น แม้กฎหมายจะไม่ห้ามไว้ก็ตาม
รัฐธรรมนูญปี 2560 บัญญัติในมาตรา 152 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติก็ได้
จุดประสงค์เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือส.ส.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำหน้าที่นําปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชนในเขตเลือกตั้งและของประเทศ มาเปิดอภิปรายทั่วไปในสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อให้คณะรัฐมนตรีตลอดจนหน่วยงานของรัฐได้รับรู้ และนําไปเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาตามความต้องการของประชาชนต่อไป ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาการบริหารบ้านเมืองในด้านต่างๆ ได้
ญัตติขอเปิดอภิปรายตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แตกต่างจากญัตติตามมาตรา 151 ที่เป็นการขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ ตรงที่หลังจบการอภิปรายจะไม่มีการลงมติชี้ชะตารัฐมนตรีผู้ถูกอภิปราย
นั่นทำให้การอภิปรายตามมาตรา 152 มีลักษณะเป็นไม้นวม มากกว่าเครื่องประหารชีวิต แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่คณะรัฐมนตรีจะวางใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการอภิปรายที่ในช่วงการเมืองเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ที่เชื่อว่าฝ่ายค้านต้องการเปิดแผลใหม่ สะกิดแผลเก่าในประเด็นปัญหาต่างๆ ตอกย้ำให้ประชาชนรับรู้
ฝ่ายรัฐบาลนอกจากต้องเปิดใจกว้างรับฟัง ยังต้องตอบข้อสงสัย ชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหาให้ชัดเจน ไม่คลุมเครือ เพราะทุกอย่างจะเป็น “ภาพจำสุดท้าย” ผลงานรัฐบาลในใจของประชาชนก่อนสภาหมดวาระ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งหลังจากนั้นไม่นาน