ผ่านมา 8 ปี นโยบายทวงคืนผืนป่า สร้างความเดือดร้อนและผลกระทบต่อประชาชนระดับล่าง กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่ดำรงชีวิตอย่างเกื้อกูลพึ่งพิงกับผืนป่า อาศัยทำกินมาก่อนประกาศพื้นที่ป่าสงวน หรือป่าอนุรักษ์ต่างๆ

หลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อรัฐประหาร จากนั้นวันที่ 14 มิ.ย.2557 ออกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 64/2557 เรื่องการปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทรัพยากรป่าไม้

โดยกล่าวอ้างจะทวงคืนผืนป่าจากนายทุน เพื่อผลประโยชน์แก่ประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งมีแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ ตั้งเป้ามีพื้นที่ป่า 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศ

ผลจากนโยบายดังกล่าว มีผู้ถูกดำเนินคดี 4.6 หมื่นคน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนระดับล่างแทบทั้งนั้น

8 ปีในท่ามกลางความเดือดร้อนทุกข์ยากจากทวงคืนผืนป่า ภาคีเซฟบางกลอย เครือข่ายภาคประชาชน เคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐบาลยกเลิกนโยบายนี้ เปิดโอกาสให้ประชาชนอาศัยทำกินในเขตป่าที่รัฐประกาศทับ

ตรวจสอบงบประมาณ และแผนการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ยังคงมีแผนแม่บทเกี่ยวกับการทวงผืนป่าปี 2557 ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากรัฐบาลทหารคสช.

ผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และความเสียหายจากการดำเนินนโยบายของรัฐ ให้ยกเลิกคดีความที่ไม่เป็นธรรม

รวมทั้งมีกลไกที่ประชาชนมีส่วนร่วมพิจารณากลั่นกรองคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน สิทธิในที่ดิน ป่าไม้ ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

นับตั้งแต่มีนโยบายทวงคืนผืนป่า รัฐบาลทหารคสช.ขณะนั้น และยังต่อเนื่องถึงรัฐบาลในปัจจุบัน ภายใต้นายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน มีชาวบ้านได้รับผลกระทบจำนวนมาก

ถูกเจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจบังคับไล่รื้อ ขับไล่ออกจากพื้นที่ ตัดทำลายพืชผลทางการเกษตร และถูกดำเนินคดีซ้ำ ส่งผลให้ชีวิตล่มสลาย บางรายถึงกับฆ่าตัวตาย และบางรายถูกบังคับอุ้มหาย

ผู้ถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดาแทบทั้งสิ้น ส่วนระดับนายทุน หรือนักการเมือง แม้เพิ่งจะปรากฏกรณีรัฐมนตรีกับพ่อตกเป็นผู้ต้องหาบุกรุกป่า แต่คดีก็เนิ่นนานมาก่อนหน้า และบางข้อหาหมดอายุความไปแล้ว

ทวงคืนผืนป่าเป็นอีกนโยบายตกค้างจากรัฐประหาร เป็นของเสียที่ต้องชำระล้าง คืนความเป็นธรรมให้ชาวบ้านที่อาศัยทำกินอยู่กับป่ามาแต่ดั้งเดิม