พรรคเสรีรวมไทยเดิมมีส.ส. 10 คน เป็นแบบบัญชีรายชื่อทั้งหมด ล่าสุดนายเดชทวี ศรีวิชัย คว้าชัยจากการเลือกตั้งซ่อมเขต 4 ลำปาง
ด้วยคะแนนเสียงที่ได้มาเกือบ 5 หมื่น ทิ้งห่างอันดับ 2 ผู้สมัครจากพรรคเศรษฐกิจไทยเกือบ 1 เท่าตัว นายเดชทวีได้เป็นว่าที่ส.ส.คนที่ 11 และเป็นส.ส.แบบเขต คนแรกของเสรีรวมไทย
มีการประเมินชัยชนะและพ่ายแพ้ครั้งนี้ มาจากหลายปัจจัย
ไม่ว่าแนวทางการหาเสียงที่แตกต่าง พรรคเสรีรวมไทยใช้วิธีเดินเคาะประตูบ้านทุกหลัง ความเข้มแข็งของทีมงาน ขณะที่คู่แข่งเน้นระดมคนมาฟังปราศรัย ใช้เครือข่ายหัวคะแนนในพื้นที่
ประกอบกับเป็นสนามถูกจับตา เป็นการเลือกตั้งเขตเดียว การทุจริตซื้อเสียงทำได้ลำบาก
กระนั้นก็ตามสิ่งที่เป็นปัจจัยชี้ขาดสำคัญ เนื่องจากเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 พรรคที่อยู่คนละขั้วการเมือง คือ ฝ่ายค้าน กับฝ่ายรัฐบาล
ผู้สมัครพรรคเศรษฐกิจไทยเป็นส.ส.เดิมของพรรคพลังประชารัฐที่โดนใบเหลือง และย้ายมาพรรคเศรษฐกิจไทย
ผลแพ้ชนะยังชี้ว่า จุดยืนการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยยอมรับจุดอ่อนของพรรค เป็นเพราะการแสดงจุดยืนไม่ชัดเจนว่าอยู่ฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
ประชาชนชาวลำปางตัดสินใจไปแล้วว่าจะเลือกข้างไหน พรรคที่ชนะมีความชัดเจนมากกว่า สำหรับพรรคเศรษฐกิจไทยจะนำข้อผิดพลาดนี้ไปแก้ไข พร้อมสู้ต่อไป
ซึ่งก็ต้องจับตาดูศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กำลังจะมีขึ้น พรรคเศรษฐกิจไทยจะแสดงจุดยืนชัดเจนกว่านี้หรือไม่
พรรคแกนนำฝ่ายประชาธิปไตยเชื่อว่า กรณีเขต 4 ลำปาง บ่งบอกถึงกระแสความนิยมที่ไหลมาอยู่ฝั่งประชาธิปไตย ไม่เฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ แต่ยังขยายขอบเขตไปถึงต่างจังหวัด
ฝ่ายผู้มีอำนาจตระหนักถึงสัญญาณอันตรายนี้ จึงพยายามแก้ไขกฎกติกาเลือกตั้งเพื่อสร้างความได้เปรียบในสนามต่อสู้
แต่ไม่ว่าด้วยวิธีไหน สิ่งสำคัญที่สุดคือเสียงประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจแท้จริง ที่สะท้อนให้เห็นไม่ว่าจากสนามเลือกตั้งใน กทม.หรือเขต 4 จ.ลำปาง
ถึงเป็นแค่จังหวัดเดียว เขตเดียว แต่ก็เป็นต้นตอสัญญาณส่งถึงผู้มีอำนาจ
การคิดทำอะไรตามอำเภอใจ เช่น เรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 500 ที่เข้าข่ายจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ อาจยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ประชาชนเทใจให้ฝั่งประชาธิปไตยมากขึ้น