การเมืองเข้มข้นขึ้น เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ขณะที่คนส่วนใหญ่คลายความกังวลต่อโรคระบาดโควิด-19

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจหัวข้อ “การเมือง เศรษฐกิจ และโควิด-19 ในปี 2566” เปรียบเทียบกับปี 2565 พบว่าส่วนใหญ่มองการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และยังเชื่อว่าการแพร่ระบาดของโรคจะลดน้อยลง

แตกต่างจากมุมมองด้านสถานการณ์ทางการเมือง ที่ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 45 เชื่อว่าการเมืองจะวุ่นวายเหมือนเดิม ขณะที่จำนวนมากกว่าร้อยละ 36 ระบุ จะมีความวุ่นวายมากขึ้น

นอกจากนี้เมื่อถามถึงการเลือกตั้งส.ส.ที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ตอบคำถามด้วยมุมมองต่อการเลือกตั้งที่ไม่ค่อยดีนัก

ต่อการเลือกตั้งส.ส. ที่ใกล้จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ผู้ตอบร้อยละ 62.60 ระบุ มีแนวโน้มว่าจะมีการซื้อเสียงเลือกตั้ง รองลงมาร้อยละ 36.56 ระบุ มีแนวโน้มว่าจะมีการใช้อิทธิพล และ/หรือ อำนาจรัฐในการหาเสียง ร้อยละ 33.74 เชื่อว่าจะมีการโกงการเลือกตั้ง

ขณะที่กลุ่มแสดงความเห็นตรงกันข้าม มีเพียงร้อยละ 20.23 ที่เชื่อว่าจะไม่มีการซื้อเสียงเลือกตั้ง และร้อยละ 16.95 ระบุว่า จะไม่มีการใช้อิทธิพล และ/หรือ อำนาจรัฐในการหาเสียง

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจไทยในปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 พบร้อยละ 37.25 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะดีขึ้น รองลงมา ร้อยละ 34.51 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะเหมือนเดิม ร้อยละ 28.09 ระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะแย่ลง

มีการตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยจะดีขึ้นหรือแย่ลง มีส่วนสัมพันธ์กับสถานการณ์การเมืองด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะในการเลือกตั้งที่ใกล้มาถึง อาจมีผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนตัวผู้นำและคณะผู้บริหารประเทศชุดใหม่ แทนชุดเก่าที่ได้ฝากฝังผลงานให้ประเทศทุกด้านมาตลอดเกือบ 4 ปี ไม่นับ 5 ปีก่อนหน้าภายใต้รัฐบาลทหาร คสช.

ผู้นำคนเดิมแสดงความต้องการ “ไปต่อ” ในทางการเมือง ซึ่งกระทำได้ด้วยการเสนอตัว เพื่อให้ประชาชนตัดสิน แต่ที่สำคัญคือทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกาทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง จะต้องไม่มีการซื้อเสียง ไม่มีการใช้อิทธิพลอำนาจรัฐเข้ามายุ่งเกี่ยว ไม่มีการบิดเบือนผลเลือกตั้ง

ไม่เช่นนั้นหลังเลือกตั้ง การเมืองก็จะวุ่นวาย ส่งผลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจ แทนที่จะดีขึ้นตามความคาดหวังของประชาชน กลับย่ำแย่หนักกว่าเดิม