ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3,185,000 ล้านบาทแล้ว หลังประชุมพิจารณาในวาระแรกรวม 3 วัน

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการ 278 ไม่รับหลักการ 194 งดออกเสียง 2 เสียงพร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณารวมทั้งสิ้น 72 คน แบ่งเป็นสัดส่วนของคณะรัฐมนตรี 18 คน

สัดส่วนพรรคการเมือง 54 คน เพื่อไทย 15 คน พลังประชารัฐ 11 คน ภูมิใจไทย 7 คน ประชาธิปัตย์ 6 คน ก้าวไกล 6 คน เศรษฐกิจไทย 2 คน ชาติไทยพัฒนา 1 คน เสรีรวมไทย 1 คน ประชาชาติ 1 คน เศรษฐกิจใหม่ 1 คน เพื่อชาติ 1 คน รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน และพลังท้องถิ่นไท 1 คน

กำหนดระยะเวลาแปรญัตติแล้วเสร็จภายใน 30 วัน

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการมีหน้าที่พิจารณา โดยลงลึกในรายละเอียดงบประมาณของกระทรวง ทบวง กรม และหน่วยงานต่างๆ รวมถึงมีอำนาจเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ ได้

รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ด้วยว่าในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอการแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้มีส่วนไม่ว่าโดยตรงหรือทํางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายจะกระทำมิได้

ดังนั้นคณะกรรมาธิการ จึงต้องพิจารณาร่างงบประมาณแผ่นดินด้วยความสุจริต ตลอดจนใช้ความรู้ความสามารถ เพื่อจัดสรรเงินประมาณให้มีความเป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน

ที่กำหนดวงเงินเพื่อให้หน่วยงานใดได้ประโยชน์อย่างไม่สมเหตุสมผล หรือขาดรายละเอียดการใช้วงเงินที่ชัดเจน และชี้แจงไม่ได้จะต้องปรับลดหรือตัดออกไป

ในการประชุมพิจารณาในวาระแรก ต้องชื่นชมพรรคฝ่ายค้านที่ทำการบ้านมาอย่างดี มีการศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบ และชี้ให้เห็นถึงความอ่อนด้อยการจัดสรรงบประมาณ

มีการเสนอแนะ ท้วงติง และสอบถามหัวหน้ารัฐบาล ตลอดจนรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ปรากฏว่าไม่สามารถให้รายละเอียดและความจำเป็นได้เท่าที่ควร ชี้แจงไม่ตรงจุด และอ่านตามบทที่เขียนมาเท่านั้น

สำหรับในชั้นกรรมาธิการวิสามัญที่เป็นการพิจารณาศึกษาเฉพาะเจาะลึกลงไปในรายละเอียด สามารถมองเห็นข้ออ่อนด้อย ขาดความครอบคลุม เชื่อมโยง และบกพร่องได้มากกว่า

ดังนั้น กรรมาธิการทั้ง 72 คน ที่ได้รับแต่งตั้งและมอบหมายจากสภาราษฎร จึงต้องยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ขจัดความเหลื่อมล้ำด้านงบประมาณให้จงได้