น่ายินดีที่บรรยากาศการเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งในเขตจังหวัดและนอกเขตจังหวัด ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดคูหาเมื่อวันอาทิตยที่ 7 พฤษภาคม เป็นไปอย่างคึกคัก
ประชาชนที่ลงทะเบียนไว้ ต่างพากันต่อแถวใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างไม่ขาดสาย ท่ามกลางแดดแผดจ้าและอากาศที่ร้อนระอุ สะท้อนว่ามีความตื่นตัวในระบอบประชาธิปไตยสูงมาก
หลายหน่วยเลือกตั้งกลาง ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด มีผู้ไปรอใช้สิทธิ์ตั้งแต่ก่อนเปิดหีบ ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดี
พร้อมกับถอดบทเรียนทั้งปัญหา อุปสรรค ตลอดจนความลักลั่น ไม่สะดวกต่างๆ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในคราวต่อไป
การเลือกตั้งล่วงหน้าครั้งนี้ มีผู้ลงทะเบียนไว้ ทั้งนอกราชอาณาจักร นอกเขต และในเขตจังหวัดรวมแล้วมากกว่า 2.5 ล้านคน
บางจังหวัด เช่น จ.ชลบุรี มีมากถึงกว่า 1.8 แสนคน และหน่วยเลือกตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหงมีมากกว่า 5.2 หมื่นคน รวมถึงหน่วยเลือกตั้งโรงเรียนบ้านบางกะปิก็มีเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ที่ผ่านมา ถ้าประชาธิปไตยไม่ถูกบอนไซ เซาะกร่อน ตัดตอนด้วยการทำรัฐประหารของผู้นำกองทัพ ตั้งแต่ พ.ศ.2549 และ พ.ศ.2557 ก็คงจะมีความเจริญรุ่งเรือง วัฒนาสถาพร และหยั่งรากลึกลงกว่านี้
ต่อจากนี้ไป หวังว่ากองทัพยุคใหม่ ตลอดจนชนชั้นนำจะไม่ใช้วิธีการลักษณะเดียวกันนี้อีก จะเห็นได้ว่าช่วงเวลาท้ายๆ รัฐบาลสืบทอดอำนาจนั้น กองทัพถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
สำหรับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หลังจากปิดหีบการเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ก็จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวดว่าเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ครบถ้วนหรือไม่
มีการกระทำที่ส่อถึงการทุจริต ซื้อเสียง จัดตั้ง และเกณฑ์คนมาลงคะแนนแก่บางพรรคหรือผู้สมัครบางคนหรือไม่ เพราะช่วงที่ผ่านมามีเรื่องที่มีความผิดปกติหลายพื้นที่
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการรักษาหีบบัตรเลือกตั้งไว้ในสถานที่ปลอดภัย จัดเวรยามอารักขาเพื่อมิให้เกิดการเพิ่มเติมบัตรโดยผู้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว
เมื่ออำนาจจัดการเลือกตั้งอยู่ในความควบคุมดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง การดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นหน้าที่