'นิ้ง ชัญญา' ไม่กลัว มีเนื้องอก 2 จุดอันตราย เผยเคยเหนื่อย จนไม่อยากมีชีวิตอยู่

Home » 'นิ้ง ชัญญา' ไม่กลัว มีเนื้องอก 2 จุดอันตราย เผยเคยเหนื่อย จนไม่อยากมีชีวิตอยู่


'นิ้ง ชัญญา' ไม่กลัว มีเนื้องอก 2 จุดอันตราย เผยเคยเหนื่อย จนไม่อยากมีชีวิตอยู่

นิ้ง ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ ไม่กลัว หลังพบเนื้องอก 2 จุดอันตราย ถ้าพรุ่งนี้ไม่ตื่นก็ไม่เป็นไร เผยเคยเหนื่อยกับปัญหาหลายๆอย่างจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

วันที่ 17 ก.พ.66 ที่ โรงภาพยนตร์ SF World Cinema ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ นักแสดงสาว นิ้ง ชัญญา แม็คคลอรี่ย์ ให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ แสงกระสือ2 ถึงแง่คิดในการใช้ชีวิตหลังผ่าตัดเนื้องอกที่ก้านสมองเมื่อปี 2563 ก่อนจะมาตรวจเจอเนื้องอกที่เต้านมระยะ3 อีกเมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมอัพเดตสถานะหัวใจ ยังโสดอยู่หรือเปล่า?

อัพเดตเนื้องอกหน่อย? “ก็มีที่ผ่าสมองคือในก้านสมองและมีเนื้องอกที่หน้าอกด้วยค่ะ เจอที่สมองก่อนและผ่าสมองไปรอบนึง แล้วก็มาเจอที่หน้าอกอีก แต่ที่หน้าอกก้อนยังไม่โตก็เลยยังไม่ได้ผ่าค่ะ ถามว่าจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไงทั้งที่ชีวิตมีความเสี่ยงขนาดนี้ นิ้งรู้สึกว่าถ้าทุกคนมีสิ่งนี้อยู่ในหัว แล้วมีความรู้สึกว่าพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ตื่นก็ได้ตลอดเวลา เราจะไม่คิดมากแล้ว เพราะมันมีโอกาสที่จะเป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่เรามาพูดว่าพรุ่งนี้เราอาจจะไม่ตื่นนะ แต่เรามีเปอร์เซ็นต์ที่พรุ่งนี้เราอาจจะไม่ตื่นจริงๆ”

หลายคนรู้สึกว่าเราใช้ชีวิตไม่เครียดไม่เหมือนคนป่วย? “เพราะว่าพรุ่งนี้นิ้งก็อาจจะไม่ตื่นก็ได้จริงๆ(ยิ้ม) เลยรู้สึกว่าถ้าวันนี้นิ้งทำได้โอเคแล้ว แฮปปี้แล้ว จริงๆ นิ้งเพิ่งเสียพี่ที่สนิทไปคนนึง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ และถ้าพรุ่งนี้สมมติว่าเราไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ เราก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว”

เราไม่กลัวถ้าพรุ่งนี้เราจะไม่ตื่น? “ใช่ นิ้งไม่กลัว เพราะตอนที่ผ่า ตอนที่ดมยาสลบ สิ่งที่ขอคือนิ้งบอกว่าถ้าถึงเวลาของนิ้งแล้วก็ขอให้นิ่งไปอยู่ในภพภูมิที่ดี แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ขอให้นิ้งกลับมามีชีวิตที่มหัศจรรย์มากกว่าเดิม นี่คือสิ่งที่นิ้งพูดไว้ คือก่อนหน้านี้เราอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้อยากอยู่ด้วย เราก็คิดว่าถ้าเราใช้โอกาสนี้ไปเลยดีมั้ย แต่ก็จะมีคนพูดว่าเราเห็นแก่ตัวหรือเปล่า แล้วคนที่อยู่จะเป็นยังไง นิ้งก็รู้สึกว่าโอเค งั้นนิ้งไม่ขออะไรเลย”

เพราะอะไรถึงไม่อยากอยู่? “บางทีเราก็เหนื่อย แต่ตอนนี้ถ้าหนูยังมีชีวิตอยู่ต่อ หนูก็จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หนูจะยังคงมีความปรารถนาอะไรหลายๆ อย่าง อยากทำอะไรหลายๆ อย่างอยู่ แต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่อยู่จริงๆ ก็โอเค ก็คิดว่าไม่มีที่จะคิดว่ารู้งี้ฉันน่าจะ…อีกแล้ว”

สิ่งที่ทำให้เราไม่อยากอยู่คืออะไร? “นิ้งคิดว่าเป็นตัวเราเองที่แคร์ทุกอย่าง คิดทุกอย่าง กังวลทุกอย่างเยอะไปหมด เราเลยรู้สึกว่าเหนื่อยกับความรู้สึกเหลือเกิน เรื่องข่าวก็ด้วย คือจริงๆ มันเป็นปัญหาหลายอย่างไปหมด จริงๆ หนูโอเคนะถ้าหนูจะไปสบาย หนูก็รู้สึกว่าหนูสบายดี หนูคงแฮปปี้ที่จะไม่อยู่ แต่ยังอยู่…ก็โอเคก็ต้องอยู่ต่อ”

คิดว่าตัวเองโชคร้ายไหม? “นิ้งรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมาก แม้ว่าเนื้องอกมันจะฟังดูน่ากลัวมาก เพราะมันอยู่ในตำแหน่งที่น่ากลัวและอันตราย อาจจะเป็น 1 ในแสน และไม่มีคำตอบว่าทำไมคุณถึงเป็น แต่ว่าจริงๆ แล้วเนื้องอกชนิดนี้จะสามารถรู้ได้ก็ต่อเมื่อตื่นขึ้นมาเป็นอัมพาตไปแล้ว หรือว่าเกิดอะไรที่แย่มากกว่านี้ เราเลยรู้สึกว่าเรายังโชคดีที่เรารู้มันก่อน และหลังจากที่เราเป็นเนื้องอก มันก็นำพาอะไรอีกหลายๆ อย่าง ที่ถ้าเราไม่เคยเป็นมัน เราอาจจะไม่ได้เรียนรู้ชีวิตมากขนาดนี้ก็ได้ เราอาจจะไม่ปล่อยวางอะไรได้เยอะขนาดนี้ก็ได้”

“นิ้งว่ามันทำให้ความคิดเราค่อนข้างเปลี่ยนไปเลยกับการใช้ชีวิต ที่ผ่านมาเราใช้ชีวิตเล่นๆ มาโดยตลอด คือเรื่องพวกนี้เวลาเราได้ยินจากของคนอื่นว่าพรุ่งนี้คนนึงก็เสีย เพื่อนเราก็เสีย คนรอบตัวเราก็เสีย มันฉับพลันมาก มันเกิดโดยไม่มีเหตุผล แต่พอมันเกิดขึ้นกับเราเอง เรารู้เลยว่าโลกนี้ไม่มีความแน่นอน วันนี้คุณอาจจะดี พรุ่งนี้คุณอาจจะไม่ดี งั้นก็อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะเป็นได้”

คิดว่าเป็นโรคเวรโรคกรรมไหม? “ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยค่ะ จริงๆ เราเชื่อว่ามันก็ยังดีอยู่ หมายถึงการเป็นสิ่งนี้มันนำพาอะไรมาอีกเยอะมากจริงๆ เราได้ทำสารคดีที่เกี่ยวกับที่เราเป็นเนื้องอกกับผู้กำกับคนนึงที่เราอยากร่วมงานด้วย มันเป็นเรื่องบังเอิญที่เราโอเค คือมันเป็นไปแล้วด้วย เราก็เลยยอมรับมัน”

คนรอบตัวยังมองว่ามันยังอันตรายอยู่ไหม? “ตอนนี้นหนูไม่ค่อยมองอะไรแล้ว เพราะหนูทำอะไรกับมันไม่ได้จริงๆ คือถ้าเราตื่นมาแล้วส่องกระจกเห็นว่ามันกำลังจะโตขึ้นแล้วนะ เราต้องไปหาหมอแล้ว มันก็จะเป็นอีกเรื่อง แต่ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่ในความกังวลตลอดเวลา หนูว่ามันก็จะไม่มีความสุข”

วาเลนไทน์ที่ผ่านมาเหงาไหม? “วาเลนไทน์ปีนี้ไปกินข้าวกับแม่ค่ะ แล้วแม่กับแฟนแม่ก็นั่งคุยกันเรื่องการเจอกันของเขา 17 ปีแล้วให้เราฟัง เราก็เป็นพยานรักของเขาอีกทีนึง แล้วก็มีพี่ชายอีกคนนึงค่ะ (ยิ้ม)”

ไม่มีเดตส่วนตัวเหรอ?“ไม่มีค่ะ ไม่มีเลย (มันนิ่งอะไรขนาดนั้น?) ไม่รู้ค่ะ แต่ว่าหนูโอเคนะ แฮปปี้มากๆ กับการอยู่บ้าน อ่านหนังสือ ดูอนิเมะ”

ชอบความเป็นส่วนตัว? “จริงๆ เราเป็นมนุษย์ Introvert เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงมากๆ ซึ่งเขาก็ต้องเข้ามาในโลกของเราได้ด้วย และไม่ได้เข้าง่ายด้วย หนูว่าคนที่มีความสุขกับตัวเองจะเข้าใจดีค่ะว่าการที่จะมีใครสักคนนึงมาแชร์ตรงนั้นไป เราต้องพร้อมที่จะแชร์กับเขา”

มีคนพยายามเข้ามาอยู่ในโลกของเราไหม? “ตอนนี้ยังไม่มีเลยค่ะ โล่งขนาดนั้นเลยค่ะ(หัวเราะ) ไม่ได้ปิดค่ะ แต่ก็ไม่ได้พยายามที่จะค้นหาด้วยซ้ำ หนูไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้เลย แค่ตื่นมาทำกับข้าว ดูการ์ตูน อ่านหนังสือ ถ้ามันมีใครมาคุยก็คุยได้ (แสดงว่าก็มีคนจีบอยู่?) ไม่มีค่ะ คนคุยก็ไม่มี โสดสนิทมากค่ะ (ยิ้ม)”

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ