นายกฯ โพสต์ “ผมได้กลับมา สยาม พารากอน อีกครั้ง” สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติ เตรียมเข้าขอโทษทูตจีนด้วยตนเอง หลัง นทท.จีนเสียชีวิต พร้อมประสานดีอีเอสทำระบบเตือนภัย กำชับ ผบ.ตร.เข้มซื้ออาวุธปืนออนไลน์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความ ระบุว่า เช้านี้ผมได้กลับมา สยาม พารากอน อีกครั้ง เพื่อเปิดงาน “SCBX NEXT TECH”คอมมูนิตี้แห่งโลกอนาคต และอีกวัตถุประสงค์หนึ่งคือ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติครับ
ในนามของคณะรัฐมนตรีขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อีกครั้ง และขอส่งกำลังใจให้กับญาติพี่น้องรวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐและศูนย์การค้าสยาม พารากอนได้พยายามกันอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะ minimize damageตรงนี้ ก็ขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นแค่ครั้งเดียว รัฐบาลขอยืนยันว่าเราให้ความสำคัญกับมาตรการป้องกันต่าง ๆ ที่จะตามมาอย่างแน่นอนครับ
ขณะที่เวลาต่อมาได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุกราดยิงที่พารากอนเมื่อวานนี้ โดยกล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่า เป็นเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึง ขอส่งกำลังใจให้กับญาติผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ และเชื่อว่าสยามพารากอนเองได้ทำสุดความสามารถในการป้องกันและดูแลสถานที่เกิดเหตุได้อย่างนี้ จากนี้ต้องเดินหน้ากันต่อไป
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อคืนนี้หลังจากที่ได้มาพูดคุยกับผู้บริหารสยามพารากอน และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่สยามพารากอน ถึงสถานการณ์และได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บต่อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย และโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย
และสั่งการให้ดูแลผู้บาดเจ็บอย่างเต็มที่ รวมถึงได้มีการบอกกับผู้อำนวยการโรงพยาบาลว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ทรงรับผู้บาดเจ็บไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ฯทุกคน ก็มีความปลาบปลื้มปิติ และระหว่างนั้นได้มีการต่อสายพูดคุยกับท่านทูตจีน เพื่อขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลไทยได้ทำทุกอย่างที่ดีที่สุด
และรับผู้บาดเจ็บดูแลอย่างดีที่สุด รวมถึงได้มีการประสานงานไปยังผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวเพื่อตามหาญาติผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ซึ่งเจอตัวเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีการประสานให้เจอกัน ซึ่งได้มีการรายงานความคืบหน้าให้ท่านทูตจีนได้รับทราบแล้ว และ 1-2 วันนี้ จะเดินทางไปพบท่านทูตจีนด้วยตัวเองเพื่อรายงานและขอโทษอีกครั้ง
ส่วนจะให้ความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวอย่างไรเนื่องจากประเทศไทยเพิ่งเปิดวีซ่าฟรีให้กับนักท่องเที่ยวประเทศจีนเข้ามา นายเศรษฐา เชื่อว่า นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าเป็นเหตุการณ์ที่สุดความสามารถจริงๆ รัฐบาลไทยและเอกชนไทยประสานงานกันอย่างเต็มที่เพื่อดูแลและสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา
ส่วนเรื่องระบบเตือนภัยที่มีการเสนอเข้ามานั้นนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้ประสานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ระบบเตือนภัยทาง SMS อย่างเดียว แต่เป็นระบบเตือนภัยทั้งหมด ให้มีการกระจายข่าวเพื่อให้ทราบว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น คงไม่ใช่เหตุการณ์นี้แค่เหตุการณ์เดียว
ส่วนที่มีการตั้งคำถามถึงอาวุธที่ก่อเหตุ ซึ่งปัจจุบันสามารถหาซื้อง่ายโดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า นี่ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ได้มีการพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงการหาซื้อทางออนไลน์จะต้องมีการทำให้รัดกุมขึ้น ป้องกัน ในการที่เยาวชนจะเข้าถึงอาวุธอันตรายเหล่านี้ได้ น้อมรับไปเป็นนโยบายหนึ่ง ที่จะต้องทำให้รัดกุมขึ้น ให้เข้าถึงอาวุธปืนได้ยากขึ้น
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามสื่อต่างประเทศถึงเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอนเมื่อวานนี้ ว่า รัฐบาลไทยแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหลังเกิดเหตุผู้บริหารของศูนย์การค้าสยามพารากอน พยายามควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างดีที่สุด หวังว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ยืนยันว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเกิดกับคนในชาติใดก็ตาม เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่มีความมั่นใจและไม่กังวลกับการมาไทย
พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์ไปหาเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย เพื่อให้ความมั่นให้ว่า รัฐบาลจะดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนักท่องเที่ยวจีนอย่างดีที่สุด
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้สยามพารากอนได้ร่วมกับภาคเอกชนร่วมกันจัดพื้นที่แม้จะมีแค่ 4 พันตารางเมตร แต่เชื่อว่าเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยในทุกมิติ เพื่อก้าวไปในเวทีโลก และเสริมสร้างการแข่งขัน และหวังว่าฟันเฟืองเล็กๆนี้ จะเป็นตัวอย่างให้ภาคเอกชน ร่วมกันมีพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงออกอย่างเหมาะสม อย่างถูกต้อง และอย่างบูรณาการ