ธนาธร ร่อนจดหมาย ชวนประชาชน-ผู้บริหาร-บุคลากรท้องถิ่นทั่วประเทศ กดดัน ส.ส.-ส.ว. รับหลักการ ‘ร่างปลดล็อกท้องถิ่น’ จ่อเข้าสภาสิ้นเดือนพ.ย.
เมื่อวันที่ 14 พ.ย.2565 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะผู้เสนอแก้ไขกฎหมาย โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจ Thanathorn Juangroongruangkit-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ความว่า จดหมายเปิดผนึก ถึงประชาชนที่เคารพ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) สมาชิกสภาท้องถิ่น ข้าราชการและบุคลากรท้องถิ่นทั่วประเทศไทย
เมื่อไหร่ประเทศไทยจะพ้นจากการเป็นประเทศ กำลังพัฒนา ตลอดเวลากว่า 4 ปีที่ผมและชาวอนาคตใหม่ เริ่มทำงานการเมืองมา ทุกจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ที่เราเดินทางไป เราได้เห็นคนเก่ง เห็นสถานที่ที่สวยงามตระการตา เห็นศักยภาพของผู้คน เห็นโอกาสทางเศรษฐกิจมากมายที่ทำให้เราตั้งคำถามว่า เหตุใดประเทศไทยจึงไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้ ทำไมเราจึงเป็นประเทศกำลังพัฒนา รายได้ปานกลาง มาตลอดหลายสิบปี
นายธนาธร กล่าวว่า จากประสบการณ์และจากการพูดคุยกับประชาชนหลายกลุ่ม ได้รับคำตอบว่าระบบราชการ การบริหารแบบรัฐรวมศูนย์ของไทย ที่ล่ามโซ่ตรวนประเทศไทยเอาไว้ ไม่ว่าเราจะมีของดีเท่าไหร่ แต่ขาดคนบริหารที่มองเห็นและเข้าใจของดีเหล่านั้น การแก้ปัญหาที่ล่าช้า นโยบายที่ไม่ตอบสนองความต้องการของประชาชน คนรู้วิธีแก้ปัญหากลับไม่มีงบประมาณและอำนาจในการแก้ปัญหา ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลางที่นั่งในห้องแอร์
นายธนาธร ระบุว่า พวกเราคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล เชื่อว่าหากประเทศไทยไม่จัดการเรื่องปัญหาการกระจายอำนาจ ไม่ให้อิสระกับท้องถิ่น เราจะไม่มีวันไปไกลกว่านี้ได้ จึงรณรงค์ภายใต้โครงการ “ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น” ซึ่งเป็นกิจกรรมเชิญชวนบุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 เพื่อขจัดอุปสรรคในการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นที่เกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปัจจุบัน
การกระจายอำนาจเพื่อคืนอำนาจให้ท้องถิ่นและยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เป็นกุญแจดอกเดียวที่จะปลดล็อกปัญหา ไม่ใช่แค่รับประกันว่าผู้บริหารท้องถิ่นต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่ยังทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มในการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่ทุกเรื่อง ยกเว้นแค่เรื่องกองทัพ และเงินตรา รวมถึงยังเสนอให้รแก้ไขปัญหาอำนาจที่ทับซ้อนกันระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยให้ภารกิจการจัดทำบริการสาธารณะในพื้นที่เป็นภารกิจของ อปท.ก่อน และเพิ่มอำนาจการตรวจสอบและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่
นอกจากนี้ยังเสนอให้เพิ่มรายได้ให้อปท. ให้มีงบประมาณและมีอิสระมากขึ้นในการจัดทำบริการสาธารณะ ตอบสนองความต้องการของประชาชน เมื่อเป็นเช่นนั้น หากปลดล็อกท้องถิ่นได้ ศักยภาพที่ถูกกดทับอยู่ในพื้นที่ต่างๆ จะถูกระเบิดพลังออกมา เปรียบเหมือนการยกก้อนหินที่กดทับ 77 จังหวัดออกไป ปลดปล่อยประเทศไทยให้พุ่งทะยานไปข้างหน้า
นายธนาธร กล่าวด้วยว่า ตลอด 3 เดือน ได้จัดเวทีรณรงค์ใน 30 จังหวัด มีประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพวกเรา 80,772 รายชื่อ และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบรายชื่อ มีเอกสารครบถ้วน จำนวน 76,591 รายชื่อ ทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารราชการของประเทศ อยากเห็นการกระจายอำนาจที่สมบูรณ์เกิดขึ้นในประเทศไทย
ยิ่งกว่านั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะเป็นการหาข้อตกลงร่วมกันจากประชาชนทุกกลุ่มทุกฝ่าย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นเรื่องประโยชน์ของการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และต่อประเทศไทย
“ขณะนี้ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 เรียบร้อยแล้วและจะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 29-30 พ.ย.นี้ ผมจึงขอให้ประชาชน รวมถึงนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาชิกสภาฯ และข้าราชการท้องถิ่นทุกท่าน ช่วยกันรณรงค์ และส่งเสียงเรียกร้องไปยังสมาชิกรัฐสภา ให้ลงคะแนนรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้สำเร็จ คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่นายกฯท้องถิ่น ไม่ใช่ข้าราชการท้องถิ่น แต่คือประชาชนคนไทยทั้ง 77 จังหวัด ที่จะปลดปล่อยศักยภาพของท้องถิ่นตัวเอง พาประเทศไทยไปให้ไกลกว่านี้ ก้าวหน้า และก้าวไกลกว่านี้” นายธนาธร ระบุ
ตัวแทนของผู้เข้าชื่อเสนอกฎหมาย เข้าไปชี้แจงในสภา ประกอบไปด้วย 1.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า 2.นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า 3.นายวีระศักดิ์ เครือเทพ นักวิชาการด้านการคลังท้องถิ่นและการกระจายอำนาจและคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4.นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา และอดีตนายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย 5.นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล