ทุเรียนบ้านสุดขายดี ชาวสวนยิ้มรับทรัพย์ ครึ่งแสนต่อปี มีไม่พอขาย ลูกค้านิยมกิน

Home » ทุเรียนบ้านสุดขายดี ชาวสวนยิ้มรับทรัพย์ ครึ่งแสนต่อปี มีไม่พอขาย ลูกค้านิยมกิน


ทุเรียนบ้านสุดขายดี ชาวสวนยิ้มรับทรัพย์ ครึ่งแสนต่อปี มีไม่พอขาย ลูกค้านิยมกิน

ตรัง ชาวสวนผลไม้ห้วยยอด ยิ้มรับทรัพย์ ทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมือง ผลผลิตออกดก สร้างรายได้เสริมอย่างดี ต่อปีครึ่งแสน แถมไม่เพียงพอต่อความต้องการลูกค้า

24 พ.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่บ้านคลองคุ้ย หมู่ที่ 3 ตำบลปากแจ่ม อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เกษตรกรที่นี่จะนิยมปลูกไม้ผลแบบผสมผสาน โดยเฉพาะทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมือง ร่วมกับไม้ผลชนิดอื่นๆ เช่น มังคุด เงาะ ลองกอง

ที่สำคัญคือ ทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมือง บางต้นในพื้นที่แห่งนี้ มีอายุมากถึง 100 ปีแล้ว ซึ่งปีนี้พบว่า มีผลผลิตออกมาดกเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ช่วงนี้ชาวเกษตรกรจึงเก็บลูกทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมือง มาวางขายกันตามหน้าบ้าน ริมถนนสายห้วยยอด-บ้านโพธิ์ ซึ่งมีนักท่องเที่ยว หรือผู้ที่ใช้รถเดินทางผ่านสัญจรไปมา ให้ความสนใจมาซื้อหาทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมืองเหล่านี้ รวมทั้งยังมีพ่อค้าคนกลางมาเหมาเป็นเข่งเพื่อนำไปขายต่อด้วยก็มี

“ป้าสาว” นางกัลยาณี โชติรัตน์ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 3 ตำบลปากแจ่ม อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เจ้าของทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมือง บอกว่า ปกติตนมีอาชีพหลัก ขายลูกชิ้นทอดอยู่หน้าบ้านติดริมถนน แต่มีทำอาชีพเสริมด้วยการปลูกทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมืองไว้ทั้งหมด 20 ต้น แล้วนำลูกทุเรียนที่สุกมาวางขายหน้าบ้านด้วย ราคากิโลกรัมละ 50-60 บาท

ซึ่งปีที่แล้ว ทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมืองไม่ออกลูก เนื่องจากฝนตกชุกตลอดปี แต่ปีนี้โชคดีได้ผลผลิตเยอะ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยทุเรียนสายพันธุ์นี้มีจุดเด่นคือ รสชาติอร่อยหวานหอม จึงเหมาะนำไปทำน้ำกะทิ หรือข้าวเหนียวทุเรียน

คาดว่าฤดูกาลทุเรียนปีนี้ จะมีรายได้เสริมเข้ามา 3-5 หมื่นบาท โดยทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมืองดังกล่าว จะมีขายไปถึงกลางเดือนมิถุนายน ผู้สนใจโทรจองได้ที่ (090) 949-2928

ด้าน นางสาวมณฑา ทองขาว นายกอบต.ปากแจ่ม บอกว่า ทุเรียนที่ออกผลผลิตในช่วงนี้ เป็นทุเรียนบ้านพันธุ์พื้นเมือง และมังคุด ส่วนผลไม้อื่นๆ เช่น ลองกอง เงาะ ต้องรออีก 3 เดือนถึงจะออกผลผลิต

สำหรับผลผลิตทุเรียนที่ออกมาตอนนี้เกือบจะไม่พอกับผู้บริโภค แต่หากมีผลไม้ชนิดไหนที่ออกมาเยอะ และทำให้ราคาตกลง ทาง อบต.ก็จะมาช่วยส่งเสริมชาวบ้าน ด้วยการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อถึงในพื้นที่ หรือช่วยจัดเทศกาลผลไม้ให้

เมื่อปีที่แล้วเคยประสบปัญหาลองกองราคาตกเหลือกิโลกรัมละ 5 บาท แต่พ่อค้าคนกลางกลับนำไปขายสู่ตลาดได้ถึงกิโลกรัมละ 30-40 บาท ทำให้ชาวเกษตรกรที่ปลูกผลไม้ได้ในราคาที่ต่ำ อีกทั้งยังต้องการให้ผู้บริโภคเข้ามาซื้อผลไม้ในพื้นที่เอง นอกจากได้ของดีราคาถูก และช่วยเกษตรกรโดยตรงแล้ว ยังสามารถเข้ามาเที่ยวชมธรรมชาติในพื้นที่ได้ด้วย

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ