ฤดูกาลแข่งขันฟุตบอลลีกยุโรป จบสิ้นลงอย่างเป็นทางการแล้ว และสิ่งหนึ่งที่แฟนบอลทั่วโลกอยากรู้เป็นอันดับแรก ๆ นอกจากบทสรุปของการแข่งขัน คือแต่ละทีม จะได้รับเงินรางวัลในแต่ละฤดูกาลมากขนาดไหน ?
อันที่จริง นี่เป็นคำถามที่หากพูดถึงเงินรางวัลในฤดูกาล 2020-21 ก็อาจจะเร็วไปสักหน่อย เนื่องจากฝ่ายจัดการแข่งขันยังไม่สรุปยอดตัวเลขออกมาอย่างเป็นทางการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาล 2019-20 อาจพอทำให้เห็นแนวโน้มได้
แน่นอน ลีกที่อู้ฟู่ที่สุด คงหนีไม่พ้น พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ทีมแชมป์ในฤดูกาล 2019-20 อย่าง ลิเวอร์พูล รับทรัพย์ไปมากถึง 174.6 ล้านปอนด์ หรือราว 7.8 พันล้านบาท แม้แต่ทีมบ๊วยในซีซั่นนั้นอย่าง นอริช ซิตี้ ที่กำลังจะกลับมาสู่ลีกสูงสุดในฤดูกาล 2021-22 ก็ได้เงินมากถึง 94.4 ล้านปอนด์ หรือ 4.2 พันล้านบาท
ขณะเดียวกัน แชมป์ ลาลีกา สเปน และ กัลโช เซเรียอา อิตาลี ในฤดูกาล 2019-20 อย่าง บาร์เซโลนา และ ยูเวนตุส ก็รับทรัพย์ทะลุหลัก 100 ล้านยูโร หรือราว 3.8 พันล้านบาท จะมีที่แปลกหน่อยก็ บุนเดสลีกา เยอรมัน ที่ บาเยิร์น มิวนิค ทีมแชมป์ ได้เงินรางวัลเพียง 72.7 ล้านยูโร หรือราว 2.8 พันล้านบาท
แน่นอนว่า อันดับ 1 กับอันดับสุดท้าย ย่อมได้รับเงินรางวัลไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับผลงานเป็นสำคัญ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่มีผลไม่แพ้กัน คือส่วนแบ่งลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องยอมรับว่า ยังมีความเหลื่อมล้ำในส่วนแบ่งระหว่างทีมใหญ่กับทีมเล็กอยู่
ทีมใหญ่ ฐานแฟนบอลเยอะ แน่นอน คนดูย่อมอยากเห็นทีมเหล่านี้ออกจอบ่อย ๆ เงินที่ได้จากการถ่ายทอดสดจึงเยอะเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ พรีเมียร์ลีก คือลีกใหญ่ที่มีการกระจายรายได้แก่ทีมต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกับคำว่า “เท่าเทียม” มากที่สุด โดยสัดส่วนเงินรางวัลระหว่างแชมป์กับบ๊วย อยู่ที่ 1.85:1 รองลงมาคือ เซเรียอา 2.47:1, บุนเดสลีกา 2.6:1 และ ลาลีกา ดูจะเหลื่อมล้ำกว่าใครที่ 3.26:1
สัดส่วนเงินรางวัลที่เป็นอยู่นี้ ทางแต่ละลีกก็ไม่นิ่งนอนใจ พยายามที่จะเจรจากับทีมต่าง ๆ เพื่อให้การกระจายรายได้ออกมาอย่างเป็นธรรมมากขึ้น ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปในแนวทางนี้ ภาพรวมของการแข่งขัน ก็มีโอกาสที่จะเกิดเซอร์ไพรซ์ ทีมเล็กมีโอกาสล้มทีมใหญ่ได้มากขึ้น
และแน่นอน มันส่งผลดีถึงภาพลักษณ์ลีกด้วยเช่นกัน