“โทนี่” เศร้า “ไฮโซลูกนัท” ถูกสไนเปอร์ทางอ้อม ยิงเข้าลูกตาบอด ย้ำเคยเป็นตำรวจเก่าสอบได้ที่หนึ่ง แนะตำรวจที่ดีต้องรับใช้ประชาชน แต่กลับแจกแก๊สน้ำตาประชาชน หากถูกสั่งให้ยิงสุนัขยังไม่ยิงเพราะไม่ได้ทำผิดอะไร ไปยิงเด็กตาดำๆ ทำไม วอน “ก้าวไกล” อย่าใจร้อน ด่า “ประวิตร-ธรรมนัส” ด่าเวลาไหนก็ได้ ด่าแล้วโหวตก็แพ้ แนะอย่าทะเลาะกันเองเป็นพวกเดียวกัน

เมื่อคืนนี้ (17 ส.ค.) เวลา 20.00 น. โทนี่ วู้ดซัม (Tony Woodsome) หรือ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมพูดคุยผ่านแอปพลิเคชันคลับเฮาส์ กับกลุ่มแคร์ ในหัวข้อ “ทางออกประเทศ ทางรอดประชาชน” โดยระบุตอนหนึ่งถึงการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ ต่อต้านรัฐบาลว่า รู้หรือไม่ทำไมเด็กเจน Z หรือ อายุ 20 กว่าๆ จึงออกมาเรียกร้องเยอะและแรง เพราะมีงานวิจัยว่าคนกลุ่มนี้ต้องการการพูดจาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาให้โลกมันดีขึ้น น่าอยู่ขึ้น มีอนาคตมากขึ้น มันเป็นคัลเจอร์ของคนเจเนอเรชั่นนี้

“ถามว่าเขาต้องการความรุนแรงไหม ไม่มี เขาต้องการพูดคุย ต้องการแนวทาง แต่วันนี้แทนที่เราจะพูดคุย เรากลับแจกแก๊สน้ำตา กระสุนยาง แถมกระสุนจริงให้เด็กอายุ 15 ด้วย”

โทนี่ ระบุว่า น่าเศร้าที่สุด ลูกนัท (ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์) น่าสงสารมาก ออกมาพูดความจริง ก็โดนเหมือนสไนเปอร์ทางอ้อม ยิงซัดลูกกระตา บอดไปข้างหนึ่ง ตาบอด ใครบอกว่าไม่บอด แต่ผมรู้จากหมอว่าบอดจริง น่าสงสารมาก ขอแสดงความเสียใจไปสู่ครอบครัวด้วย

โทนี่ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตำรวจเก่า สอบได้ที่หนึ่ง จบโรงเรียนนายร้อย ผ่านการฝึกควบคุมฝูงชน ฝึกกระโดดร่ม ได้เหรียญเงินการยิงปืน ทั้งปืนสั้นและปืนยาว

“ผมเป็นเหมือนพวกคุณที่มีความรู้สึกว่าอยากจะเป็นตำรวจที่ดี หลังการปฏิวัติทุกครั้งตำรวจต้องเป็นลูกไล่ทหาร ทหารขี่คอตำรวจมาโดยตลอด แล้ววันนี้พวกคุณก็ถูกสั่งให้ทำนู่นทำนี่ ชีวิตพวกคุณเกิดมาเพื่อดูแลประชาชนนะ คำปฏิญาณของพวกคุณเป็นเรื่องที่เราต้องดูแลประชาชน รับใช้ปกป้องประชาชน แต่วันนี้คุณไปยืนตรงข้ามประชาชน เพราะเขาหวังให้คุณยิง ใช้แก๊สน้ำตา ทั้งที่ผู้นำไม่กล้าออกมานั่งคุยกับเด็ก แต่ใช้ความรุนแรงแทน” อดีตนายกฯ ทักษิณ กล่าว

โทนี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถามว่าเมื่อเป็นอย่างนี้ใครจะมาลงทุนในเมืองไทย และต่อไปประชาชนจะไม่เชื่อถือตำรวจ

“ถ้าผมออกไปปฎิบัติการ แล้วมีหมาเดินผ่าน เขาให้ยิงหมา ผมไม่ยิงนะ เพราะหมามันไม่ได้ทำอะไรผิด แต่นี่คนไทยด้วยกัน เด็กตาดำๆ ไปยิงเขาทำไม” โทนี่ กล่าวและว่า “ผมรักตำรวจ ผมไม่อยากให้ตำรวจเป็นที่รังเกียจของประชาชน เพราะตำรวจจะต้องอยู่กับประชาชน”

โทนี่ กล่าวต่อไปอีกว่า อย่างกรณีที่ผู้ชุมนุมไปพ่นสี แค่ล้างก็หมดเรื่อง ไม่เห็นต้องเอาตำรวจมาเป็นหมื่นเป็นพันคน มายิงหรือมาดัก เสียตังค์เปล่าๆ ก็ปล่อยให้เขาพ้นไป พ้นก็ล้าง แล้วเรียกมาคุย เพราะคนไทยด้วยกันพูดคุยภาษาเดียวกัน ไม่ต้องใช้ล่าม

แนะ “ก้าวไกล” อย่าใจร้อน ถ้าจะด่า “บิ๊กป้อม-ธรรมนัส” ด่าได้ทุกวัน แต่ไม่ชนะโหวต

โทนี่ยังระบุถึงคนบางคน คนบางกลุ่มกลัว หากตนกลับประเทศไทยแล้ว ตัวเองอาจหมดอาชีพ กลัวขั้วอำนาจเปลี่ยนจนไม่มีอาชีพ

“ผมกลับไป ผมปวารณากับลูกแล้วนะว่าผมจะไปเลี้ยงหลานจะไปเป็นตาที่ดี ปู่ที่ดี จริงๆ นะท่านนายกฯ ท่านไปเลี้ยงหลานกับผมดีกว่า” โทนี่ ระบุ

ส่วนกรณีพรรคก้าวไกลไม่พอใจการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งไม่มีชื่อของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยมองว่าอาจมีการต่อรองผลประโยชน์ โทนี่ กล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ ใจร้อน ไม่ได้ดั่งใจ ก็หงุดหงิดเป็นเรื่องธรรมดา แต่การทำการเมืองนั้น ต้องมียุทธศาสตร์ ถ้าจะด่าให้มันส์ก็ด่าได้ทุกคน ด่าเวลาไหนก็ได้ แต่ลงคะแนนก็แพ้เขาอยู่ดี เราต้องคิดว่า ด่าแล้วจะลงคะแนนยังไงให้ชนะ”

โทนี่ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มี 36 คน ถ้าเราจะใส่ชื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจทั้ง 36 คน คนดูก็คงเบื่อ และถามว่า พล.อ.ประวิตร วันนี้มีหน้าที่ทำอะไร เป็นรองนายกฯ เฉยๆ งานไม่ค่อยมี แต่การอภิปรายส่วนใหญ่เป็นเรื่องปัจจุบัน จะใช้อดีตอภิปรายก็ได้ แต่ไม่มีน้ำหนัก วันนี้เป็นเรื่องโควิดและความล้มเหลวในการบริหารงาน เรื่องของพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าจะมีการทุจริต บางอย่างมีหลักฐาน บางอย่างไม่มีหลักฐาน แต่การจะอภิปรายใครนั้น อย่างน้อยต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนที่จะอภิปราย

“ต้องใจเย็นๆ ครับ พรรคก้าวไกลถ้าคิดจะทำงานเพื่อประชาธิปไตยร่วมกันแล้ว อย่าใจร้อน ถ้าใจร้อนก่อนประชาธิปไตยไม่ทันมา ทะเลาะกันก่อน ทะเลาะกันทำไม โธ่พวกเดียวกันทั้งนั้น ภารกิจของเราคือต้องทำงานร่วมกันเพื่อต่อสู้ให้ได้ประชาธิปไตย ไม่ใช่ว่าด่า พล.อ.ประวิตร แล้วได้ประชาธิปไตย ไม่ใช่ด่าประวิตร ด่าธรรมนัสแล้วได้ประชาธิปไตย มันต้องใจเย็นๆ มียุทธศาสตร์ว่าจะเดินยังไง อย่าใจร้อน เพื่อไทย ก้าวไกล อย่าทะเลาะกัน เป็นเด็กไปได้โตแล้ว” ทักษิณ กล่าวย้ำ

โทนี่ระบุช่วงท้ายว่า จะทะเลาะกันทำไม ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันให้ประเทศก้าวหน้า มีอนาคตให้กับลูกหลานเรา ตนพูดบนพื้นฐานที่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง