ประกาศตามหา “ครูวี” วัย 45 ปี เจอมรสุมชีวิต ยอมลาออกจากข้าราชการครู รับบำเหน็จ ทั้งที่ครบกำหนดรับเงินเกษียณ อีกแค่ 2 ปี หันไปทำงานก่อสร้างต่างจังหวัด ขาดการติดต่อ ซ้ำร้ายติดเหล้า ป่วยไตระยะสุดท้าย วอนใครพบเห็นประสานกลับหาญาติ พร้อมดูแลช่วยเหลือ
ยังไม่รู้ชะตากรรม ขาดการติดต่อไปนับครึ่งปี สำหรับ ครูวี อายุ 45 ปี ครูชำนาญการพิเศษ สอนวิชาคณิตศาสตร์ อดีตครูสังกัดโรงเรียนแห่งหนึ่ง หมู่ 18 ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เดิมเป็นชาว จ.อุบลราชธานี ทำงานรับราชการ จนกระทั่งมาทำงานที่ จ.นครพนม
แต่เจอมรสุมชีวิต เมื่อปีที่ผ่านมา พ่อแม่ เจ็บป่วย รวมถึงพี่ชาย เสียชีวิต ขาดสภาพคล่อง ในการดูแลครอบครัว ต้องขายบ้านและมรดกที่ดินมาแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นบ้านที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรง หวังสร้างเป็นเรือนหอแต่งกับร่วมชีวิตกับแฟนสาว สุดท้ายฝันสลาย แฟนสาวบอกเลิก
จากปัญหาชีวิต ทำให้ ครูวี เสียหลัก หลังพ่อแม่ และพี่ชาย เสียชีวิตทั้งหมด จนกระทั่งยอมลาออกจากข้าราชการครู เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อไปทำงานก่อสร้างต่างจังหวัด จนกระทั่งขาดการติดต่อ
ล่าสุด จากการตรวจสอบข้อมูล จากโรงเรียน ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม พบว่า ครูวีอายุ 45 ปี ครูชำนาญการพิเศษ สอนวิชาคณิตศาสตร์ ย้ายมารับราชการที่โรงเรียนดังกล่าว ประมาณ 1 ปี ถือเป็นครูที่มีความขยัน มุ่งมั่น ในการดูแลนักเรียน แต่เจอมรสุมชีวิต ทำให้ตัดสินใจลาออก เพื่อไปทำงานก่อสร้าง หวังมีรายได้เพิ่ม
ทั้งที่เพื่อนครู และผู้บังคับบัญชา พยายามให้กำลังใจ อยากให้อดทนทำงานต่อ อีก 2 ปี จะครบกำหนด เข้าหลักเกณฑ์รับบำนาญ แต่เจ้าตัวได้ยื่นลาออกจากข้าราชการ เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 รับเงินบำเหน็จ ประมาณ 1.8 ล้านบาท เพื่อออกไปตั้งหลักทำงานก่อสร้างต่างจังหวัด
ซ้ำร้ายยังทราบข่าวว่าติดเหล้า จากปัญหาความเครียดมรสุมชีวิต และยังป่วยโรคไตระยะสุดท้าย และยังขาดการติดต่อกับทุกคน นอกจากนี้ ยังมีหนี้สินที่มีการกู้เป็นเงิน ราว 3 ล้านบาท และมีเพื่อนครู ค้ำอีก 6 คน แต่ยืนยันว่า ทุกคนไม่หนักใจ ยอมเฉลี่ยใช้ภาระหนี้แทน เพียงต้องการช่วยเหลือบั้นปลายชีวิต เพราะเห็นเป็นคนดี มีความตั้งใจทำงาน
ทางญาติ และเพื่อนครู จึงออกมา รวมถึง ครูน้อย อายุ 52 ปี ครูสอนวิชาเคมี ถือเป็นคนที่ครูวีเคารพนับถือที่สุด ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อ เพื่อให้ช่วยกันหาข้อมูล และตามหาตัวครูวี อยากรู้ชะตากรรมชีวิต และอยากให้สังคมช่วยเหลือ และกลับมาดูแลรักษาตัว ด้วยความเป็นห่วง
ยอมรับว่าเมื่อก่อน ครูวี เป็นคนสดใสร่าเริง ตนถือเป็นเพื่อนครูในโรงเรียนเดียวกัน ที่มีความสนิทสนมกับน้องคนนี้ที่สุด ยอมรับ ชีวิตครูวี น่าสงสารที่สุด เคยตั้งใจสร้างบ้านหนึ่งหลัง เพื่อเตรียมเข้าสู่ประตูวิวาห์กับสาวสวยในหมู่บ้าน เพราะมีการหมั้นหมายกันเป็นอย่างดี โดยมีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้และเป็นพยาน ต่อมามีปัญหาชีวิต มรสุมชีวิตหนักเพิ่มขึ้น จนแฟนสาวบอกเลิก โดยอ้างเหตุผลเราไปกันไม่ได้
ทำให้ครูวี เครียด จากคนร่าเริงกลายเป็นคนเก็บตัวเงียบ หันไปพึ่งเหล้าเป็นเพื่อน จนป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ตามด้วยโรคเบาหวาน รับประทานยาตามแพทย์สั่ง แต่ยังไม่ยอมหยุดดื่มเหล้า กระทั่งป่วยด้วยโรคไตระยะสุดท้าย แพทย์บอกต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 3 วัน จึงเป็นเหตุผลให้ครูวีปฏิเสธการรักษาทุกชนิด และเลิกกินยาลดความดันรวมทั้งโรคเบาหวาน
ไม่มีใครคาดคิดว่าครูวีจะยื่นหนังสือลาออก แม้จะมีการยื้อใบลาออกไว้ เพื่อโน้มน้าวให้เปลี่ยนใจ ตนบอกว่าอดทนเอาอีก 2 ปีค่อยลาออกเพื่อได้บำนาญ หากลาออกตอนนี้จะได้แค่เงินบำเหน็จ และไม่ได้สิทธิ์รักษาพยาบาล แต่คิดว่า ครูวี จะรู้ตัวว่าตนคงอยู่ไม่ถึง
จึงเลือกที่จะขอลาออกเพื่อได้เงินบำเหน็จประมาณ 1.8 ล้านบาท ทราบว่านำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้หนี้นอกระบบ ส่วนเงินกู้ในระบบที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูมัธยมศึกษานครพนม มีจำนวน 3 ล้านบาท มีเพื่อนครูรวม 6 คนเซ็นค้ำประกัน หนึ่งในนั้นก็มีตนรวมอยู่ด้วย ไม่ได้หนัก มีแนวทางแก้ไข เพียงอยากรู้ชะตากรรม