‘ตงตง’ แจงเหตุ ‘เบสต์’ แฟนสาวหน้าตึง หลังไปยินดีวันรับปริญญา เผยไปช้า เพราะไปกดเงินกับรับช่อดอกไม้ รับกดดันความคาดหวังคนอื่น

หลังจากที่ดาราหนุ่ม ตงตง กฤษกร หอบดอกไม้ช่อโตและเงินสดจำนวน 1 แสนบาท ไปเซอร์ไพรส์ในวันรับปริญญาของแฟนสาว เบสท์ รักษ์วนีย์ คำสิงห์ รวมถึงร้องเพลงสดๆ สื่อความหมายแทนความรู้สึก ท่ามกลางเสียงกรี๊ดของแฟนคลับที่มาร่วมยินดี แต่งานนี้ไม่วายมีคนจับสังเกตหน้าของสาวเบสต์ที่ดูตึงใส่ฝ่ายชายผิดปกติ จนพากันสงสัยว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า?!

ล่าสุดวันที่ 16 ธ.ค.65 ดาราหนุ่ม ตงตง เดินทางมาแจกปฏิทินให้กับแฟนๆ ในกิจกรรม ช่องวัน 31 มอบความสุข Happy New Year 2566 ที่ ชั้น 1 เซ็นทรัล ลาดพร้าว พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าว ก่อนเผยความในใจที่ไม่อยากให้ทุกคนโฟกัสเรื่องความรักของตนและแฟนสาวมากจนเกินไป รวมถึงความคาดหวังต่างๆ ของคนอื่นที่ยอมรับว่าสร้างความกดดันให้กับตัวเอง

โดย ตงตง กล่าวว่า “เมื่อวานไปแสดงความยินดีกับน้องมาก็แฮปปี้ เพราะเหมือนมีแฟนคลับน้องมาด้วย ถือเป็นวันดีๆ หนึ่งวันที่น้องก็เรียนจบแล้วและได้ถึงเกียรตินิยมเลย เห็นแล้วก็ดีใจแทนน้องที่มีคนคอยอยู่ข้างๆ เวลาหันไปก็จะได้รอยยิ้มตลอดเวลา ส่วนผมเองก็ได้มีร้องเพลงแทนใจและให้เงินสดน้อง ถือว่าเป็นของขวัญหนึ่งชิ้นสำหรับวันเรียนจบ”

คนแซวว่าใจป๋าเปย์เงินแสน? “โห…ผมว่าก็อย่าไปคิดอย่างนั้นเลยว่าเป็นป๋า ผมว่ามันก็คุ้มค่ากับสิ่งที่น้องควรจะได้รับ เขาก็ทั้งเรียนด้วยทำงานด้วย เราทำได้แค่คอยซัพพอร์ตข้างๆ ทำอะไรได้ก็อยากทำให้ ถ้าทำให้น้องมีความสุขผมก็จะทำ”

จริงๆ ยากไหมกับการที่จะต้องหาของขวัญให้น้อง? “ยากนะ ผมก็เคยบอกไปหลายรอบแล้วแหละ เพราะทุกคนโฟกัสและตีมูลค่าเป็นหลักแสนไปหมดเลย รอบนั้น 5 แสน แล้วรอบต่อไปทุกคนคาดหวังว่าจะต้อง 7 แสน หรือล้านนึงไหม พอทุกคนคาดหวังผมก็เลยรู้สึกว่าแล้วผมจะได้ให้ในสิ่งที่ผมอยากให้หรือเปล่า บางครั้งผมอยากเป็นของขวัญแทนใจ สำหรับผม 50 100 หรือ 500 มันก็มีมูลค่าเหมือนกัน บางครั้งผมก็อยากให้ของพวกนี้เหมือนกัน แต่กลายเป็นรู้สึกว่าผมก็ไม่กล้าให้เพราะกลัวว่าถ้าให้ไปแล้วเดี๋ยวก็จะเป็นดราม่าอีก”

แสดงว่ารู้สึกกดดันกับความคาดหวังของคนอื่น? “ใช่ครับ แต่ว่าสุดท้ายผมก็จะทำตามใจผม เพราะว่าผมก็ยังมีของที่เป็นสิ่งที่ผมอยากให้ ผมไม่สามารถทำตามที่ทุกคนต้องการได้”

แต่ไม่วายที่ไปยินดีเมื่อวานก็มีคนจับสังเกตว่าน้องเบสท์ดูหน้าตึงๆ? “อ๋อ…มันน่าจะเป็นช่วงตอนแรกที่ผมเดินเข้ามา คือผมอ่ะหลอก…ไม่เชิงหลอกน้องหรอก คือว่าเราไปช้า น้องก็อยากให้มาเร็ว เพราะว่าน้องเลิกออกมาจากตึกก็ประมาณ 5 โมงเย็น แล้วน้องก็จะบอกทุกคนเสมอว่าเดี๋ยวแสงมันจะไม่ทัน กลัวจะมืดก่อนเดี๋ยวไม่ได้ถ่ายรูป ทีนี้ผมก็บอกน้องตั้งแต่เช้าว่าผมต้องไปนั่นไปนี่ แต่จริงๆ ผมไปธนาคาร แต่วันนั้นรถโคตรติดมาก เบสท์ก็เลยรู้สึกว่าทำไมต้องไปวันนี้”

“เขาก็อาจจะรู้สึกงอนนิดๆ ที่ผมมาช้า แต่ตอนนั้นคือน้องก็ไม่รู้ว่าผมมีอะไรมาให้ แต่ผมไปธนาคารไปถอนเงินสด แล้วก็ไปรับดอกไม้ด้วย ถามว่าหลังจากนั้นได้เคลียร์ใจกันไหม ก็คุยครับ แต่ไม่ได้คุยประเด็นนี้เพราะผมไม่รู้ว่ามีคนจับสังเกตหน้าน้อง แต่พอเสร็จงานทุกอย่างคือแฮปปี้ เลยไม่ได้ไปพูดถึงอะไรตรงนั้นเลย น้องแค่บอกว่าตอนแรกคิดว่าผมไปทำธุระจริงๆ”

แต่ตัวเราก็เห็นใช่ไหมว่าน้องหน้าตึงจริงๆ? “ตอนเดินเข้าไปก็เห็นครับ แต่ผมอาจจะไม่ได้โฟกัสอะไรขนาดนั้น หลักๆ คือเราไปด้วยความแฮปปี้และมีความตั้งใจที่อยากทำให้ก็เลยไม่ได้ไปโฟกัสอะไรขนาดนั้น แล้วก็ไม่คิดเลยว่าคุณจะจับช็อตนั้นมาเป็นประเด็น อันนี้ผมก็เพิ่งรู้เหมือนกัน”

ยืนยันว่าความรักแฮปปี้ดี? “ใช่ครับ ผมจะพูดอยู่เสมอว่าไม่อยากให้ใครมาโฟกัสอะไรขนาดนั้น ความรักครั้งนี้มันก็เป็นความรักของคนสองคน คือจริงๆ ผมก็ดีใจและขอบคุณมากๆ ที่มีคนชื่นชอบส่งกำลังใจมาให้ แต่ก็ไม่อยากให้เอาไปเป็นดราม่าอะไรกัน ผมค่อนข้างเป็นห่วงน้องเพราะน้องยังเด็กอยู่ ยังต้องเจออะไรอีกเยอะ อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้น้องด้วย อีกอย่างเราสองคนก็เป็นความรักของคนธรรมดาสองคน ผมเลยไม่อยากให้ใครต้องมาโฟกัสอะไรเยอะขนาดนั้น เพราะไม่อย่างนั้นมันจะมีข่าวไม่ดีมาอยู่ตลอดเวลา”

หลายคนเรียกร้องว่าให้ลงรูปคู่สยบดราม่าไปเลย? “ถ้าทำอย่างนั้นเดี๋ยวทุกคนก็จะไปคิดแบบนี้ ผมลงปั๊บนี่ไง! ตงตงลงแล้ว สยบดราม่าโน่นนี่นั่น มันก็จะกลายเป็นประเด็นต่อไปอีก ทั้งที่เราอยากจะลงตอนไหนก็ได้ แต่มันจะไม่ได้ทำตามหัวใจตัวเองสักที กลายเป็นว่าทำตามคนที่ต้องการมากกว่าแล้ว ผมเลยอยากจะบอกว่าความรักไม่ว่าจะคู่ใคร สุดท้ายมันคือเรื่องของคนสองคน ถ้าใครชื่นชอบใครเป็นกำลังใจให้ก็ดีใจมากๆ แต่ใครที่ต่อว่าคือผมก็ไม่ได้ว่าเขานะ รับฟังและเข้าใจ แต่สุดท้ายแล้วเราจะเลือกดำเนินชีวิตกับสิ่งไหนมากกว่ากัน ผมเลยอยากที่จะก้าวผ่านความรักครั้งนี้ไปกับน้องด้วยหัวใจ แต่ไม่ใช่ด้วยคนอื่น”