แม่บอกว่าอยู่กับเราด้วยกันไม่ได้ ดาราอาวุโส สามีอาลัย เพ็ญพร ไพฑูรย์ ครั้งสุดท้าย – โจ ไม่น้อยใจถูกมองไม่ดูแลแม่ เผยนาทีน็อกดับ
วันที่ 25 เม.ย.65 ที่ ศาลาจงอยู่อ่อน วัดหลักสี่ สถานที่สวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศล “ติ๋ม เพ็ญพร ไพฑูรย์” อดีตนางแบบชื่อดัง 80 ยุค ที่เสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในช่องท้อง เมื่อเวลา 07.37 น. ของวันจันทร์ ที่ 25 เม.ย. 65 ที่โรงพยาบาล มงกุฎวัฒนะ ด้วยวัย 68 ปี หลังมีอาการป่วยเรื้อรังทั้งโรคไทรอยด์ ถุงลมโป่งพอง ตับอักเสบ และกระเพาะอาหารอักเสบ
ต่อมา เวลา 15.30 น. ได้มีพิธีรดน้ำศพ ติ๋ม เพ็ญพร ไพฑูรย์ โดย “โจ ธนภณ พงศ์ธนภาคิน” ลูกชาย และ “ต่อลาภ กำพูศิริ” นักแสดงอาวุโสอดีตสามีของนางแบบชื่อดัง ได้เปิดใจกับสื่อมวลชน
ต่อลาภ : “วันนี้พิธีไม่มีอะไรมาก เพราะเขาไม่ชอบความวุ่นวาย”
โจ : “แม่ไม่ได้สั่งเสียอะไรเลย เหตุการณ์เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว จริงๆ แล้วแม่เข้าโรงพยาบาลเมื่อวันเสาร์ เวลาสองทุ่ม วันอาทิตย์อาการดีขึ้น ไข้ลด บอกว่าอยากกลับบ้าน แต่ผมบอกว่าให้คุณหมอดูอาการให้ชัวร์ก่อน ให้แข็งแรงกว่านี้อีกนิดแล้วค่อยกลับ สั่งเตียงพิเศษมาให้แล้ว กะว่าหลังรักษาหายกลับไปจะได้นั่งกินข้าวได้ เพราะก่อนหน้านี้นอนกินอย่างเดียว ซึ่งมีลูกน้องส่งข่าวตลอดว่าไข้ลดแล้วนะ ดีขึ้นแล้วนะ”
“เราก็คิดว่าดีขึ้น เมื่อเช้าหมอก็โทรมาบอกท่านเสียแล้ว ก็ยังบอกว่าเมื่อตอน 6 โมงเช้ายังคุยเล่นกันดีอยู่เลย ว่าโอเค อาการดีขึ้นแล้ว ถ้าหายจะให้กลับบ้าน มาเกิดเหตุอีกทีตอน 7 โมง หมอโทรมาบอกว่าหัวใจหยุดเต้น มีการปั๊มหัวใจกู้ชีพ ซึ่งหมอแจ้งว่าถ้า 30 นาทีไม่กลับมาก็ต้องทำตามขั้นตอน มีเลือดออกในช่องท้อง ตับอ่อนอักเสบ มีเลือดคั่งในลำไส้กับช่องท้องเยอะ เพราะทานอะไรไปก็อ้วกเป็นเลือดดำๆ มาประมาณ 2 วัน สุดท้ายพอออกจมูกปุ๊บก็น็อกเลย”
ตั้งใจพาเข้ารักษาตัวนานหรือยัง
โจ : “จริงๆ แล้วเขาไม่ยอมเข้ารพ. ล่าสุดก็ปวดท้อง และมีไข้ที่พักให้ท่าน มีคนดูแลตลอด ทานยาเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลง แล้วก็อ้วกออกมา ก็เลยบังคับให้มารพ. แต่ท่านไม่ยอมมา บอกว่าเขาไม่ชอบความวุ่นวายของรพ. เขาเจ็บ เขากลัวเจาะ เขากลัว เราก็ตามใจเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมา ก่อนหน้าที่แม่ไม่ได้รักษาโรคประจำตัวเลย กินยาเอง เขามีโรคซึมเศร้าที่แจ้งว่ามียา ส่วนวัณโรคก็ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิต แล้วก็มีไทรอยด์อักเสบ มารู้เพิ่มเติมคือ ตับอ่อนอักเสบ กระเพาะ ลำไส้ อักเสบ เนื่องจากหลังๆ มาทานอาหารไม่ค่อยได้ ก็ให้เป็นอาหารเสริมที่มีวิตามินแร่ธาตุ ก็ทำให้หน้าตาสดใสขึ้น”
“จนล่าสุดมาอาเจียนบ่อย ทานอะไรก็แหวะออก เปลี่ยนเสื้อผ้าวันหนึ่ง 4-5 ชุด เขาไม่ชอบความวุ่นวายที่รพ. เขาบอกจะอยู่อย่างนี้ และจะนอนอยู่อย่างนี้ จะไปของเขาเอง แต่เราบอกว่าไม่ได้ มันปล่อยไว้ไม่ได้ ก่อนเข้ารพ. มีบ่นเจ็บกระดูก เจ็บก้นกบ เพราะลุกขึ้นทานข้าวไม่ได้”
ได้ฝากฝังอะไรไหม หลังได้รับความช่วยจาก บิณฑ์
โจ : “จริงๆ ผมก็ทำใจมานานแล้วแหละ ด้วยสภาพร่างกายของเขาไม่มีกล้ามเนื้อเหลืออยู่เลย ถามว่าเขาฝากฝังอะไรไว้ไหม ก็ไม่ครับ ผมบอกเขาว่าให้ปล่อยวางได้แล้ว ไม่ต้องคิดมาก ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว มาอยู่ในมือเราแล้ว เขาบ่นตลอด พี่บิณฑ์มาช่วยเหลือเขา เขาดีใจมากนะ แต่กลายเป็นว่ามีคนมาเอาเปรียบ มาเอาเงินเขาไป ผมก็บอกว่าไม่ต้องสนใจ ใครจะเอาไปก็ปล่อยเขา เดี๋ยวเราดูแลต่อเอง ก็มีความตั้งใจว่าอยากให้เขากลับมาวาดรูปได้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่สำเร็จ”
“จริงๆ ผมว่าเขาปล่อยวางแล้ว ล่าสุดที่คุยกันเขาปล่อยวางแล้ว แต่มันเป็นเรื่องภายในใจเขา ไม่รู้เขาโดนใครทำอะไรมาบ้าง เขาถึงรู้สึกยังแย่อยู่ เพราะเขาพูดเองว่าตอนเขาจน เขามีความสุขกว่านี้ ส่วนเรื่องห่วงคิดว่าไม่น่ามีอะไรให้ห่วงแล้ว ตอนผมรับเขามาดูแลก็ดูแลเต็มที่แล้ว ถามว่าดูแลเขานานไหม จริงๆ ผมดูแลเขาตลอดแต่ไม่ออกตัว เขาต้องการค่ายา ค่าอาหาร ค่าที่พักผมโอนให้ตลอด แม้แต่ลูกผมเองยังไปเรียนวาดรูปกับแม่อยู่ ล่าสุดแม่มารักษาตัวที่ห้องพักที่ผมจัดหาให้ ผมก็ยังพาหลานไปเป็นกำลังใจ”
น้อยใจไหมที่ถูกต่อว่า ไม่ดูแลแม่?
โจ : “ไม่ครับ ผมเข้าใจดี ว่าสถานการณ์เป็นยังไง แม้แต่แม่เขาก็บอกว่าเขาอยู่กับเราด้วยกันไม่ได้”
ต่อลาภ : “โจจะรับมาอยู่ เขาก็ไม่มา เขาบอกโจว่าอย่าออกตัวนะว่าเป็นลูก เพราะเขามีการดูแลรักษาจากแฟนคลับ จากคนที่ชื่นชมเขาอยู่ เขาไม่อยากให้โจแสดงตัว โจจะรับมาอยู่ตั้งนานแล้ว เขาไม่มา เขาบอกขอแม่อยู่อย่างนี้ เขากังวลจะเดือดร้อนลูกด้วย”
โจ : “ผมเองก็ทำงานและยุ่งอยู่ ก็เลยส่งเงินมาช่วยเหลือ เพราะตัวเองไม่สามารถวิ่งไปวิ่งมาได้ จนล่าสุดเลขาพี่บิณฑ์ ติดต่อมาว่าให้ช่วยรับแม่ไปดูแลได้ไหม เพราะเขาก็ปัญหาเยอะแล้ว เราก็ไปรับมา เราไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะเราอยากรับมาตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ผมเพิ่งรู้ข่าวตอนพี่บิณฑ์ไปช่วยว่าเขาผอมขนาดนี้ เพราะก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้เป็นขนาดนี้ พอรู้ปุ๊บจะไปรับมาก็กลัวคนครหาอีกว่ามารับเพราะเขามีเงินแล้ว ก็เลยบอกให้แม่อยู่ตรงนั้นไปก่อน คนของพี่บิณฑ์ดูแลดีใช่ไหม ก็ให้ดูแลไปก่อนแล้วกัน”
“มีแกล้งโทรมาขอเงินต่อหน้าเลขาพี่บิณฑ์ดูว่าผมจะโอนเงินให้ไหม ผมก็โอนเงินให้ทันที อันนี้เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครรู้ มีแต่ผมที่รู้ ผมไม่สนใจอยู่แล้ว ผมปล่อยไปเพราะใจเราไม่ได้คิดอย่างนั้น แม่เขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ผมอายุ 20 จนตอนนี้อายุ 45 แล้ว เขาก็ยังไม่ปล่อยวางเรื่องความเป็นศิลปินของเขา ซึ่งไม่มีใครผิด ทางใครทางมัน ผมไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว เป้าหมายการรับมาดูแลก็อยากให้เขาหายเป็นปกติ กลับมาวาดรูปได้อะไรได้เหมือนเดิม ยังบอกเขาอยู่เลยว่าเดี๋ยวจะพาเขาไปเที่ยวทะเล แต่เขามาจากไปเสียก่อน”
“ส่วนผลงานเขาที่เหลืออยู่ยังคิดอยู่เลยจะเอายังไง แต่รูปที่เขาวาดเหลือไม่กี่รูป เบื้องต้นคิดว่าน่าจะเก็บไว้ก่อน ถ้าใครสนใจค่อยว่ากันอีกที วันที่ไปรพ. ครั้งสุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปเยี่ยม เพราะหมอให้เข้าคนเดียว ก็ให้กำลังใจเขาว่าให้หายเร็วๆ เดี๋ยวออกมาเจอกันข้างนอก มารู้ข่าวอีกทีก็ตอนเช้าวันนี้”
ภาพจำแม่เป็นศิลปินที่เจ๋งคนหนึ่งใช่ไหม?
โจ : “เขาเป็นศิลปินที่เจ๋งคนนึง เป็นผู้หญิงคนแรกที่เอาเสื้อคอกระเช้ามาใส่กับกางเกงยีนส์ ก็จะสวด 3 วันแล้วเผาเลยครับ น่าจะจัดการงานให้เรียบร้อยและเร็วที่สุดครับ หลังจากนี้ก็จะทำบุญเหมือนคนทั่วไป ทำบุญ 50 วัน 100 วัน ทำบุญบริจาคเลือดก็จะคิดถึงคุณแม่”