ประธานาธิบดีชิลี นายเซบาสเตียน ปิเญรา เผยเมื่อวันอังคาร (22 มิ.ย.) ว่ากำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการฉีดวีคซีนเข็มที่ 3 ในขณะที่กำลังพยายามควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่
การพิจารณาดังกล่าวยังเกิดขึ้นในช่วงที่ประชาชนตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค ว่าป้องกันไวรัสโคโรนาชนิดกลายพันธุ์ที่ติดต่อง่ายขึ้นกว่าเดิม ได้มากแค่ไหน
ที่ผ่านมาชิลีพึ่งพาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ซิโนแวค บริษัทวัคซีนจากจีนพัฒนาขึ้นมา ค่อนข้างมาก เพื่อต้องการฉีดวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด โดยฉีดให้ประชาชนแล้ว 16.8 ล้านโดส (81.% ของวัคซีนที่ฉีดทั้งหมด) ควบคู่ไปกับวัคซีนของไฟเซอร์และไบออนเทค ราว 3.9 ล้านโดส และของแคนซิโน ไบโอลอจิกส์ และแอสตร้าเซนเนก้า อีกเล็กน้อย
เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา การทดสอบวัคซีนซิโนแวคที่ชิลี พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงไม่มากนักถ้าฉีดวัคซีนเข็มเดียว แต่เมื่อฉีดเข็มที่ 2 พบว่ามีประสิทธิภาพ 67% ในการป้องกันการแสดงอาการ 85% ในการป้องกันการเจ็บป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล และ 80% ในการป้องกันการเสียชีวิต
ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุขของชิลี นางเปาลา ดาซา เผยกับสถานีโทรทัศน์ทีวีเอ็นของชิลี ว่าขณะนี้ผู้ที่ทำการสอบสวนกำลังศึกษาว่าวัคซีนซิโนแวคป้องกันโควิดได้นานแค่ไหน และจะรายงานมาที่กระทรวงในเดือน ก.ค.
“เราคิดว่าข้อมูลจะแสดงให้เห็นว่าประชาชนที่ได้รับวัคซีนในเดือน ก.พ. และโดส 2 ในเดือน มี.ค. น่าจะมีแนวโน้มที่จะต้องรับวัคซีนอีกโดสที่ 3 ภายในเดือน ก.ย.” นางเปาลา กล่าว
นอกจากชิลีแล้ว ยังพบว่าเมื่อช่วงที่ผ่านมาของสัปดาห์ มีบุคลากรแพทย์กว่า 350 คน ในอินโดนีเซียที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ซึ่งขณะนี้สายพันธุ์ที่กำลังระบาดหนักในประเทศนี้ คือ สายพันธุ์เดลตา ที่พบครั้งแรกในอินเดีย