นครราชสีมา ชาวไร่ เสริมรายได้ปลูกเมลอนไร้สาร ใส่สูตรเด็ดเพิ่มความหวาน ออเดอร์จองเต็มทุกรุ่น เล็งสร้างโรงเรือนเพิ่ม เพิ่มปริมาณผลผลิตให้มากขึ้น

9 พ.ค. 66 – นายถนอม ขันทองคำ วัย 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านราษฎร์บำรุง ต.บ้านราษฎร์ อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ทดลองใช้ที่ดินของตนเอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านทรัพย์เจริญ หมู่ที่ 4 ต.บ้านราษฎร์ ทดลองสร้างโรงเรือนปลูกเมลอนสองสายพันธุ์ เพื่อสร้างรายได้เสริมนอกเหนือจากการปลูกมันสำปะหลัง

เนื่องจากมีความรู้เกี่ยวกับการปลูกเมลอน ที่ได้การฝึกสอนมาจากบริษัทแห่งหนึ่ง ก่อนนำมาประยุกต์ปลูกเมล่อนแบบไร้สาร 100 เปอร์เซ็นต์ เริ่มตั้งแต่เพาะปลูกไปจนถึงเก็บเกี่ยว ซึ่งทุกขั้นตอนจะไม่มีการใช้สารเคมีเจือปนเลย ทำให้เมลอนไร้สารของสวน นายถนอม ที่ปลูกเอาไว้ 200 ต้น ถูกจองหมดยาวถึงผลผลิตรอบหน้า เตรียมสร้างโรงเรือนเพิ่ม เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น

นายถนอม เล่าว่า สายพันธุ์เมลอนที่ตนเองนำมาปลูกในตอนนี้ เป็นพันธุ์ไข่ทองคำ และพันธุ์ฮิเดโกะ เป็นสายพันธุ์เมลอนที่ได้รับความนิยมของท้องตลาด ใช้เวลาเพาะเมล็ดประมาณ 10-12 วัน ก่อนจะย้ายกล้าพันธุ์มาลงแปลง ตั้งร้านให้ต้นเมลอนได้เลื้อยเกาะ

จากนั้นให้น้ำทุกวัน กระตุ้นด้วยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยอินทรีย์ จนเวลาผ่าน 25 วัน เมลอนจึงจะออกดอก และนำมาผสมเกสร รอเวลาอีก 45 วัน เมล่อนจะให้ผลผลิตและสามารถเก็บเกี่ยวได้

ซึ่งเคล็ดลับการเพิ่มความหวาน จะให้ธาตุโพแทสเซียมก่อนเก็บ 10 วัน โดยโพแทสเซียมจะได้มาจากการหมักผงโกโก้กับและน้ำมะพร้าว หมักด้วยจุลินทรี ผ่านทางการให้น้ำทางน้ำหยด

หากเกิดโรคแมลงก็จะใช้กระชายขาว ข่า หัวไชเท้า และใบมังคุดหมัก รดทางใบก็จะสามารถจัดการโรคแมลงต่างๆ ได้ โดยเฉพาะโรคราน้ำค้าง ซึ่งถือเป็นศัตรูอันดับ 1 ของเมลอน แทนการใช้น้ำหมักจากเปลือกมังคุด ที่จะทิ้งสีของเปลือกเอาไว้ตามลูกเมลอน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า เกิดจากการใช้สารเคมี

ทั้งนี้ ก่อนเก็บเกี่ยวจะมีการสุ่มคัดลูกเมลอนมาวัดค่าความหวานให้ได้อย่างน้อย 13 องศาบริกซ์ จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวมาเก็บไว้ประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ค่าความหวานเพิ่ม แล้งจึงนำใส่บรรจุภัณฑ์ออกจำหน่ายได้

ขณะนี้ ตนจะปลูกเมลอนตามกันเป็นช่วงๆ เพื่อให้ได้ระยะเวลาเก็บเกี่ยวแตกต่างกัน ทำให้สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวเมลอนได้ตลอดทั้งปี สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

โดยโรงเรือนที่ทำไว้จะมีขนาดกว้าง 4 เมตร 20 เซนติเมตร ยาว 16 เมตร ปลูกเมลอนได้ประมาณ 200 ต้น ผลผลิตประมาณ 400 กิโลกรัม จำหน่าย ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ส่วนใหญ่ลูกค้านิยมสั่งซื้อไปเป็นของฝาก เฉลี่ยแล้วแต่ละรุ่นแต่ละโรงเรือน สร้างรายได้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท