จีน เผยสถิติการแต่งงานในปี 2564 อยู่ที่ 7.6 ล้านคู่ ต่ำสุดในรอบ 35 ปี
วันที่ 1 ก.ย. ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า กระทรวงกิจการพลเรือนของจีนเปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จำนวนการจดทะเบียนสมรสในจีนเมื่อปี 2564 อยู่ที่ 7.6 ล้านคู่ ลดลงจากปีก่อนหน้า (2563) ร้อยละ 6.1 และอัตราการแต่งงานลดลงติดต่อกันเป็นปีที่แปดแล้ว
หนังสือพิมพ์โกลเบิล ไทม์ สื่อทางการจีน รายงานว่า ตัวเลขดังกล่าวของปี 2564 ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2529 (ในรอบ 35 ปี) เมื่อกระทรวงกิจการพลเรือนเริ่มเปิดเผยบันทึกตัวเลขดังกล่าวต่อสาธารณชน
ขณะเดียวกัน อายุเฉลี่ยของคู่แต่งงานใหม่เพิ่มขึ้น โดยเกือบครึ่งหนึ่งของผู้แต่งงานเมื่อปีที่แล้วมีอายุ 30 ปีขึ้นไป
ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนแนวโน้มที่จะทำให้จ้าหน้ารัฐกังวลมากขึ้น ในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก 1,400 ล้านคน ทว่าคนหนุ่มสาวจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะมิลเลนเนียล (Millennials) ผู้เกิดในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เลือกที่จะไม่แต่งงานหรือมีลูก และต่อให้พวกเขาจะแต่งงานและมีลูก และทำในช่วงกลางวัย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ดังกล่าวต่อแรงงานที่หดตัวอยู่แล้วอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงทางสังคมของจีน
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุว่า ในช่วงเพียง 6 ปี จำนวนประชากรจีนที่แต่งงานเป็นครั้งแรกลดลงร้อยละ 41 จาก 23.8 ล้านคนในปี 2556 เหลือ 13.9 ล้านคนในปี 2562
เจ้าหน้าที่และนักสังคมวิทยาของจีนระบุว่า การลดลงดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้นโยบายหลายทศวรรษเพื่อจำกัดการเติบโตของจำนวนประชากร ซึ่งหมายความว่า จำนวนคนหนุ่มสาวในวัยที่สามารถแต่งงานได้นั้นลดลง
แต่ยังเป็นผลพวงของการเปลี่ยนแปลงทัศนคติต่อการแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่หญิงสาวที่กลายเป็นคนมีการศึกษาและเป็นอิสระทางการเงินมากขึ้น และผู้หญิงบางคนเริ่มไม่แยแสกับการแต่งงาน
เนื่องจากต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติในที่ทำงานและวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่เป็นวงกว้าง เช่น ความคาดหวังให้ผู้หญิงรับผิดชอบในการดูแลลูกและงานบ้าน
นอกจากนี้ สำนักสังคมศาสตร์ของจีนระบุว่า สถิติเผยการแต่งงานที่ช้าลงทั้งชายและหญิง ในส่วนของอายุเฉลี่ยสำหรับการแต่งงานครั้งแรกตั้งแต่ปี 2533-2559 ผู้หญิงเพิ่มขึ้นจาก 22 ปี เป็น 25 ปี ส่วน ผู้ชายเพิ่มขึ้นจาก 24 ปี เป็น 27 ปี
โกลเบิลไทม์ยังชี้ถึงแรงกดดันการทำงานที่เพิ่มขึ้นสำหรับคนหนุ่มสาวที่เผชิญค่าจ้างที่ซบเซา ตลาดงานที่แข่งขันกัน และค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น และการแต่งงานที่น้อยลงเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตประชากรที่กำลังมากขึ้นของจีน ท่ามกลางความพยายามดิ้นรนเพื่อเพิ่มอัตราการเกิดที่ทรุดตัว
ตัวอย่าง ในปี 2557 ประชากรวัยทำงานของจีนเริ่มหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 30 ปี และในปีต่อมา รัฐบาลจีนประกาศยุตินโยบายลูกเดียว เปิดทางให้สามีภรรยามีลูก 2 คน และเพิ่มจำนวนลูกเป็น 3 คน ในปี 2564
อย่างไรก็ตาม อัตราการแต่งงานและการเกิดยังไม่กระเตื้องขึ้น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ยังเผชิญกับอัตราการเกิดและจำนวนประชากรที่ลดลงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
รัฐบาลในทั้งสามประเทศออกมาตรการส่งเสริมการคลอดบุตร เช่น แรงจูงใจทางการเงิน บัตรกำนัลเงินสด เงินอุดหนุนที่พักอาศัย และการสนับสนุนการดูแลเด็กเพิ่มเติม แต่ประสบความสำเร็จในวงจำกัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เกาหลีใต้ มีอัตราการเจริญพันธุ์ ต่ำที่สุดในโลกอีกครั้ง ตัวเลขนิวโลว์ด้วย