จับแม่ชี คาสถานปฏิบัติธรรม ตุ๋นลงทุน เหยื่อกว่า 3 พันราย สูญ 1.3 พันล้าน อ้างถูกลูกชายเอาชื่อไปเข้าบริษัท
(4 มิ.ย.2566) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุด PCT 5 นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นางพัฒนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 69 ปี ชาว จ.อ่างทอง ภายในสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง ที่ 79/2565 ลงวันที่ 3 พ.ค. 2565 ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มผู้เสียหายว่า ถูกบริษัทแห่งหนึ่งร่วมกันหลอกลวงชักชวนให้เข้าร่วมการลงทุนในการให้บริหารเช่าพื้นที่บน Cloud Storage โดยเสนอผลตอบแทนให้แก่ผู้ร่วมลงทุนในอัตราสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงิน คล้ายลักษณะแชร์ลูกโซ่ จนเป็นเหตุให้มีผู้หลงเชื่อนำเงินเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
ต่อมาบริษัทไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนจนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเสียหาย จึงเข้าแจ้งความต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไว้ 3,531 ราย เข้ามาให้การต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 2,878 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 1,303,127,202.99 ล้านบาท และยังไม่มาให้การอีก 653 ราย
ในส่วนของคดีดีเอสไอได้จับกุมตัวผู้ก่อเหตุแล้ว 1 ราย คือ นายศุภสรร (ขอสงวนนามสกุล) กรรมการบริษัทดังกล่าว และประสานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ติดตามทรัพย์สินของผู้ต้องหาเพื่อเป็นการเยียวยาให้กับผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวง
ทั้งนี้ ยังมีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องและหลบหนีโดยไม่สามารถติดตามตัวได้ โดยผู้ต้องหารายดังกล่าวมีหมายจับของ สภ.แม่ทะ จ.ลำปาง ติดตัวในความผิดเดียวกัน ซึ่งดีเอสไออยู่ระหว่างพิจารณาเสนอต่อศาลเพื่ออนุมัติออกหมายจับ คือ นางพัฒนา เป็นแม่ของนายศุภสรร ซึ่งเป็นกรรมการที่มีอำนาจลงนามในบริษัท โดยได้หลบหนีตั้งแต่หมายจับออกเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2565
กลุ่มผู้เสียหายจึงร้องเรียนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล IDMB ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวนางพัฒนา เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่มีความคืบหน้าในการติดตามตัวผู้ต้องหารายนี้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ผบก.สส. บช.น. จึงเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT5 รีบสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหารายมาดำเนินคดี กระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาขณะบวชชีอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรม
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้ข้อมูลว่า เดิมทีตนเป็นอาจารย์สอนระดับมัธยมศึกษาในพื้นที่ จ.อ่างทอง หลังเกษียณลูกชายได้ขอนำชื่อตนไปเป็นกรรมการในบริษัท โดยที่ตนไม่ทราบการดำเนินกิจการของบริษัทดังกล่าวนั้นแต่อย่างใด ตลอดจนขอให้การอื่น ๆ ในชั้นสอบสวนและชั้นการพิจารณาคดีของศาล
ทั้งนี้ ขณะจับกุมตัวผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบตัวขณะที่ผู้ต้องหาบวชชีและปฏิบัติธรรมอยู่ในสถานปฏิบัติธรรม โดยมีอดีตสามีบวชเป็นพระอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าอาจเป็นอีก 1 วิธีการในการให้ตนเองนั้นรอดพ้นจากการสืบสวนจับกุมตัวตามหมายจับในคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ทะ ดำเนินคดีต่อไป