จะเกิดอะไรขึ้นหากรัสเซียบุกยูเครน

Home » จะเกิดอะไรขึ้นหากรัสเซียบุกยูเครน


จะเกิดอะไรขึ้นหากรัสเซียบุกยูเครน

จริงหรือที่กองทัพรัสเซียกำลังเตรียมทำสงครามบุกยูเครน นี่คือเรื่องที่กำลังสร้างความหวั่นวิตกให้บรรดาผู้นำโลกตะวันตก และยูเครน

ความวิตกกังวลครั้งล่าสุดนี้มีขึ้น หลังจากเมื่อ 7 ปีก่อน ได้เกิดวิกฤตการณ์ไครเมีย ซึ่งรัสเซียได้ยึดและผนวกดินแดนในคาบสมุทรไครเมียของยูเครนเข้าเป็นของตนเอง อีกทั้งยังสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนให้รบกับรัฐบาลยูเครนเป็นพื้นที่วงกว้างทางภาคตะวันออกของประเทศ

  • ไบเดนเตือนรัสเซียหลังมีข่าวเตรียมบุกยูเครน
  • รัสเซีย-ยูเครน ปะทะทางทะเล เปิดฉากศึกชิงน่านน้ำทะเลอาซอฟ ?
  • จะเกิดอะไรขึ้น หลังเรือรบอังกฤษเผชิญหน้ากับเครื่องบินรบรัสเซียในทะเลดำ

เกิดอะไรขึ้น

ยูเครนมีพรมแดนติดกับทั้งสหภาพยุโรป (อียู) และรัสเซีย แต่ประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตแห่งนี้ มีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับรัสเซียทั้งด้านสังคมและวัฒนธรรม อีกทั้งภาษารัสเซียยังเป็นภาษาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหมู่ชาวยูเครน

ที่ผ่านมา รัสเซียได้แสดงจุดยืนต่อต้านการที่ยูเครนจะหันไปเข้าร่วมกับสถาบันต่าง ๆ ของอียู และมีข้อเรียกร้องสำคัญว่า ยูเครนต้องไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) หรือประจำการอาวุธร้ายแรงของชาติพันธมิตรทางการทหารในประเทศ

ตอนที่ชาวยูเครนขับประธานาธิบดีที่สนับสนุนรัสเซียลงจากอำนาจในปี 2014 รัสเซียได้เข้ายึดครองดินแดนไครเมียทางภาคใต้ของยูเครน อีกทั้งให้การหนุนหลังกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ยึดพื้นที่เป็นวงกว้างใน 2 ภูมิภาคทางภาคตะวันออกที่เรียกว่า ดอนบัส (Donbas)

A Ukrainian serviceman patrols near the frontline with Russia backed separatists near small city of Marinka, Donetsk region. Photo: 12 April 2021

Getty Images
พื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครนได้รับความเสียหายจากการสู้รบที่ยืดเยื้อระหว่างกบฏแบ่งแยกดินแดนกับรัฐบาลยูเครน

มีโอกาสแค่ไหนที่รัสเซียจะบุกยูเครน

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลยูเครนและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลังยังคงดำเนินมามาจนถึงปัจจุบัน ยูเครนระบุว่า รัสเซียได้ส่งรถถัง ปืนใหญ่ และพลแม่นปืนเข้าไปประจำการในแนวหน้าของพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏ

แต่สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือการที่รัสเซียได้เสริมกำลังพลบริเวณชายแดนรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งหน่วยข่าวกรองชาติตะวันตกเชื่อว่าอาจมีทหารมากถึง 100,000 นาย

ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าจะเกิดภัยคุกคามซึ่งหน้า หรือประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียได้ตัดสินใจแล้วที่จะส่งทหารบุกยูเครน

โฆษกรัฐบาลทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่ตื่นตระหนก ขณะที่นายเซอร์เก เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เตือนว่า ความตึงเครียดอาจนำไปสู่สถานการณ์แบบเดียวกับวิกฤตขีปนาวุธคิวบาในปี 1962 ซึ่งสหรัฐฯ และอดีตสหภาพโซเวียตเกือบเข้าสู่สงครามนิวเคลียร์

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานข่าวกรองของชาติตะวันตก รวมถึงของยูเครนต่างคิดว่า การโจมตีหรือการรุกรานอาจเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2022

จะเกิดอะไรขึ้นหากรัสเซียบุกยูเครน

Getty Images

นายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน ระบุว่า ช่วงเวลาที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดที่สถานการณ์จะทวีความรุนแรงถึงขีดสุดคือช่วงปลายเดือน ม.ค.ที่จะถึงนี้

ขณะที่หน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียอาจเสริมกำลังทหารถึง 175,000 นายภายในเดือน ม.ค.นี้ โดยนายวิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เชื่อว่า ประธานาธิบดีปูติน “จะส่งทหารรัสเซีย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไปประจำการในจุดที่สามารถบุกโจมตีได้เป็นวงกว้าง”

แต่นี่อาจเป็นเพียงการแสดงท่าทีข่มขวัญ เพื่อที่รัสเซียจะได้คำรับประกันที่ตนเองต้องการจากนาโต

เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อเดือน เม.ย.ปีนี้ โดยในตอนนั้นรัสเซียอ้างว่า การเคลื่อนย้ายกำลังพลในขนาดที่เล็กกว่าครั้งล่าสุดนี้ เป็นเพียงการซ้อมรบ จากนั้นก็ถอนกำลังทหารออกไป (แม้ว่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญจะระบุว่าเป็นเพียงการถอนกำลังออกไปบางส่วน)

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้พูดคุยผ่านระบบวิดีโอคอลกับประธานาธิบดีปูติน เพื่อลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น ทว่ายังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นเช่นนั้น

Mr Biden (R) with top officials

Reuters
ประธานาธิบดีไบเดน พูดคุยผ่านระบบวิดีโอคอลกับประธานาธิบดีปูติน หวังลดความตึงเครียดเรื่องยูเครน

หากเกิดสงครามจริงจะเป็นอย่างไร

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยข่าวกรองชาติตะวันตกที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ซึ่งรวมถึงบีบีซีว่า หากรัสเซีย ตัดสินใจจะรุกรานยูเครน การสู้รบก็อาจแผ่ขยายเข้าไปในยุโรปได้

เขากล่าวว่า หากรัสเซียเริ่มกระทำการใด ๆ ก็จะนำไปสู่การตอบโต้จากชาติสมาชิกนาโต “การคิดว่าสงครามจะจำกัดอยู่ในประเทศเดียว คงเป็นเรื่องที่โง่เขลา”

พลเรือเอก เซอร์ โทนี แรดดากิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งสหราชอาณาจักร กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดของการรุกรานเต็มรูปแบบคงจะรุนแรงในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2″

เจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยข่าวกรอง ระบุต่อว่า หากรัสเซียเปิดสงครามยูเครนจริงก็จะทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องเสียชีวิต หรืออพยพหนีภัยการสู้รบ

โดยการสู้รบที่ปะทุขึ้นทางภาคตะวันออกของยูเครนเมื่อปี 2014 ได้ทำให้พลเรือนต้องเสียชีวิตไปแล้ว 14,000 คน และพลัดถิ่นฐานอีกราว 1.4 ล้านคน

นอกจากนี้ รัสเซียยังอาจตอบโต้ชาติสมาชิกนาโตอื่น ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ และการทำสงครามผสมผสาน หรือแม้แต่การโจมตีทางกายภาพ และความขัดแย้งนี้ก็จะแผ่ขยายเป็นวงกว้าง

รัสเซียว่าอย่างไร

ในเบื้องต้น รัสเซียพยายามบอกปัดว่าภาพถ่ายจากดาวเทียมที่เผยให้เห็นการเสริมกำลังทหารในไครเมีย และจุดที่อยู่ไม่ห่างจากภาคตะวันออกของวยูเครน เป็นเรื่องตื่นตูมเกินกว่าเหตุ ทว่าเมื่อช่วงต้นเดือน ธ.ค.นี้ ผู้ช่วยประธานาธิบดีคนหนึ่งได้ยืนกรานว่า “เรามีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายกำลังพลในเขตแดนของเรา”

พล.อ.วาเลอรี เกราซีมอฟ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมรัสเซีย ระบุว่า นาโตมุ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนย้ายกำลังพลมากเกินไป และ “ข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อที่ว่า รัสเซียอาจยกพลบุกยูเครนในเร็ว ๆ นี้เป็นเรื่องโกหก”

ขณะเดียวกัน รัฐบาลรัสเซียได้ตอบโต้กลับด้วยการกล่าวหาว่ายูเครนกำลังสะสมกำลังทหารครึ่งหนึ่งของกองทัพ คือราว 125,000 นายไว้ที่บริเวณภาคตะวันออกของประเทศ พร้อมระบุว่า รัฐบาลยูเครนกำลังวางแผนโจมตีพื้นที่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุน

กองกำลังผสมรัสเซียใกล้กับชายแดนยูเครน

BBC

ยูเครนชี้ว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นเพียง “โฆษณาชวนเชื่อที่เหลวไหล” เพื่อปกปิดแผนการของรัสเซียเอง

นอกจากนี้ รัสเซียยังกล่าวหาชาติสมาชิกนาโตว่าป้อนอาวุธให้แก่ยูเครน

ข้อกล่าวหาเหล่านี้อาจถูกรัสเซียนำไปใช้ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเริ่มต้นปฏิบัติการทางทหาร

นายวลาดิเมียร์ ดซาบารอฟ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจเป็นอันดับสองในคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาสหพันธ์รัสเซีย กล่าวเมื่อต้นเดือน ธ.ค.นี้ว่า ปัจจุบันมีชาวยูเครนในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏราว 500,000 คนที่ถือหนังสือเดินทางรัสเซีย และหากหัวหน้ากลุ่มกบฏได้ขอความช่วยเหลือจากรัสเซีย “แน่นอนว่า เราคงไม่อาจทอดทิ้งเพื่อนร่วมชาติของเราได้”

รัสเซียต้องการอะไร

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูติน เคยเตือนชาติตะวันตกไม่ให้ “ล้ำเส้นแดง” ของรัสเซียในเรื่องยูเครน

แล้ว “เส้นแดง” ที่ว่านี้คืออะไร

หนึ่งในนั้นคือ การหยุดยั้งไม่ให้นาโตแผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปทางตะวันออกมากกว่านี้ แล้วส่งอาวุธเข้าไปประจำการในประเทศเพื่อนบ้านรัสเซีย ในลักษณะที่จะเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูตินระบุว่า หากยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต ก็จะมีกองทหาร ฐานทัพ และอาวุธร้ายแรง ตามมา

เดิมทีรัสเซียมีความกังวลอยู่แล้ว ต่อกรณีที่ยูเครนใช้โดรนของตุรกีในการสู้รบกับกลุ่มกบฏที่รัสเซียสนับสนุนทางภาคตะวันออก รวมถึงการที่กองทัพชาติตะวันตกซ้อมรบในทะเลดำ

ย้อนกลับไปเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้นำรัสเซียได้เผยแพร่ถ้อยแถลงอันยาวเหยียดบนเว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดี โดยระบุว่า รัสเซียและยูเครนมีประวัติศาสตร์ร่วมกัน แล้วเรียกคนรัสเซียและคนยูเครนว่าเป็น “คนชาติเดียวกัน” พร้อมกล่าวหาว่า ผู้นำชุดปัจจุบันของยูเครนกำลังดำเนิน “โครงการต่อต้านรัสเซีย”

นายปูตินระบุว่า สำหรับผู้ที่พยายามทำให้ยูเครนต่อต้านรัสเซีย “การทำเช่นนี้จะทำลายประเทศชาติของพวกเขาเอง”

Russian armour in Crimea, 19 Mar 21

Getty Images
การซ้อมรบของรัสเซียในไครเมีย เมื่อเดือน มี.ค.2021 ได้สร้างความวิตกกังวลให้ชาติตะวันตก

นาโตจะช่วยยูเครนได้อย่างไรบ้าง

สมาชิกชาติตะวันตกของนาโตต่างแสดงการปกป้องยูเครน และนายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ก็ระบุชัดเจนว่า การสนับสนุนทางการทหารที่ให้แก่ยูเครนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ชอบธรรม

สหราชอาณาจักรมีแผนจะช่วยยูเครนสร้างฐานทัพเรือ 2 แห่งที่เมืองโอชาคีฟ ริมฝั่งทะเลดำ และเมืองเบอร์เดียนสค์ ที่ทะเลอาซอฟ ขณะที่สหรัฐฯ ได้ส่งจรวดต่อต้านรถถัง แจฟเวอลิน และเรือตรวจการชายฝั่ง 2 ลำให้แก่ยูเครน

นายสโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่า “มันขึ้นอยู่กับยูเครน และ 30 ชาติพันธมิตรนาโต ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าเมื่อใดยูเครนจะพร้อมเข้าร่วมเป็นสมาชิก” พร้อมชี้ว่า รัสเซีย “ไม่มีอำนาจยับยั้ง หรือสิทธิที่จะแทรกแซงในกระบวนการนี้”

ชาติตะวันตกจะช่วยยูเครนได้แค่ไหน

สหรัฐฯ ให้คำมั่นชัดเจนว่าจะช่วยยูเครนปกป้องอธิปไตยของตนเอง โดยประธานาธิบดีไบเดน ระบุว่า จะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่าง ๆ “อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” หากยูเครนถูกโจมตี

อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ เน้นย้ำว่าจะไม่มีการส่งทหารสหรัฐฯ ไปร่วมรบด้วย

ด้านยูเครนระบุว่า เตรียมตัวที่จะปกป้องตนเองตามลำพัง โดยนายดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน กล่าวว่า “เราจะสู้ในสงครามนี้ด้วยตัวเอง”

Ukrainian President Volodymyr Zelensky visiting positions on the frontline with pro-Russian militants in the Donetsk region, Ukraine, 06 December 2021

EPA
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ลงพื้นที่แนวหน้าการสู้รบในดินแดนใต้การยึดครองของกลุ่มกบฏ ทางภาคตะวันออกที่เรียกว่า ดอนบัส เมื่อ 6 ธ.ค.

แม้ถึงว่าสหรัฐฯ จะไม่ยอมรับ “เส้นแดง” ของรัสเซียในเรื่องที่ยูเครนจะเข้าร่วมกับองค์การนาโต หรือเรื่องอื่น ๆ แต่มาตรการทางเศรษฐกิจและมาตรการอื่น ๆ ที่รุนแรงของสหรัฐฯ จะช่วยรัฐบาลยูเครนได้แค่ไหน

อาวุธร้ายแรงที่สุดของชาติตะวันตกดูเหมือนจะเป็นการคว่ำบาตร และการสนับสนุนกองทัพยูเครน

นางวิคกี ฟอร์ด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหราชอาณาจักร ระบุว่า รัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณาเพิ่มการสนับสนุนด้านกลาโหมแก่ยูเครน

ในส่วนของมาตรการทางเศรษฐกิจนั้น อาวุธสำคัญที่สุดอาจเป็นการขู่ตัดระบบการธนาคารรัสเซียออกจากระบบจ่ายเงินระหว่างประเทศที่เรียกว่า Swift แต่นี่ถูกมองว่าเป็นตัวเลือกสุดท้าย อย่างไรก็ตาม ประเทศลัตเวีย ระบุว่า นี่จะเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งกร้าวต่อรัฐบาลรัสเซีย

ส่วนมาตรการอีกอย่างคือการขัดขวางการเปิดท่อส่งก๊าซ “นอร์ด สตรีม 2” (Nord Stream 2) ของรัสเซียในเยอรมนี ซึ่งการจะทำได้จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านพลังงานของเยอรมนีเสียก่อน

นอกจากนี้ ยังอาจมีมาตรการที่มุ่งเป้าต่อกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติรัสเซีย (Russian Direct Investment Fund หรือ RDIF) หรือการจำกัดไม่ให้ธนาคารต่าง ๆ แลกเปลี่ยนเงินรูเบิลรัสเซียไปเป็นเงินตราต่างประเทศอื่น ๆ

…………..

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ