กรณีที่ เด็กหญิง 2 ขวบพร้อมแม่และยาย ถูกสาวใหญ่สาดน้ำมันร้อน ๆ ราดตามใบหน้าและตามลำตัว จนทำให้มีบาดแผลพุพอง บางส่วนผิวหนังลอกออกจนเห็นผิวหนังชั้นใน เนื่องจากไม่พอใจที่ทวงเงินค่าเช่าห้องไม่ได้ จนกระทั่งนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลยันฮี เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ 22 พ.ค. 2567 เวลาประมาณ13.00 น. นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมายังโรงพยาบาลยันฮี เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและติดตามอาการบาดเจ็บของเด็กหญิง 2 ขวบ ที่ถูกสาดน้ำมันร้อนราดทั่วร่างกาย พร้อมให้ความช่วยเหลือตามภารกิจของกระทรวง
- ดีขึ้นแล้ว! แม่-ลูก ถูกน้ำมันร้อนสาด หลังโดนทวงค่าเช่าห้อง
- สาวใจเหี้ยม! สาดน้ำมันทอดไก่ ใส่เด็ก 2 ขวบ หลังทวงเงินค่าเช่า แล้วไม่ได้
นางสาวกัญจนากล่าวหลังการเข้าเยี่ยมเด็กและครอบครัว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจเพราะเด็กอายุเพียง 2 ขวบ วันนี้ได้เดินทางมาเยี่ยมเพื่อให้กำลังใจกับครอบครัว อาการของเด็กหลังจากพูดคุยกับคุณหมอ พบว่าอาการดีขึ้นตามลำดับ ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วจนอาการดีขึ้น พ้นภาวะวิกฤตแล้ว
ด้านเด็กทานอาหารขับถ่ายเป็นปกติ สำหรับบาดแผลอาการของเด็กอยู่ในเกณฑ์ระดับ 2 ประมาณ 10% ของบาดแผล ด้วยน้องอายุยังเด็กนัก และตัวเล็ก จึงทำให้บาดแผลดูเยอะกว่าผู้ใหญ่ ส่วนร่องรอยของบาดแผลส่วนใหญ่อยู่บริเวณใบหน้า ก็จะมีโอกาสหายเป็นปกติ ส่วนในอนาคตจะเกิดภาวะกล้ามเนื้อยึดติดกันหรือไม่ ก็ต้องติดตามผลในระยะยาว ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าไม่น่าจะเกิดภาวะนี้
สำหรับการช่วยเหลือ ตนได้นำเงินส่วนตัวช่วยเหลือครอบครัว ในส่วนของทางกระทรวงจะมีเงินจากกองทุนสงเคราะห์เด็กให้กับครอบครัว จำนวน 22,000 บาท เรื่องคดีความก็จะมีเงินจากกองทุนกระทรวงยุติธรรม ทางกระทรวงจะได้มีการประสานกับกระทรวงยุติธรรมเพื่อดำเนินการต่อไป ส่วนการดูแลช่วยเหลือในระยะยาวนั้นยังไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ เนื่องจากคุณพ่อน้องมีอาชีพเป็นรปภ. มีรายได้อยู่ในระดับที่พอเลี้ยงครอบครัวได้ ส่วนคุณแม่กำลังจะเริ่มงานใหม่แต่ว่ามาเกิดเหตุเสียก่อนก็ต้องหางานทำต่อไป เชื่อว่าจะสามารถพยุงครอบครัวได้
นางสาวกัญจนายังกล่าวด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นภาวะการเกิดเหตุเฉพาะหน้าแบบฉับพลัน เป็นภาวะอารมณ์ของคนที่กระทำกันแบบฉุกเฉิน ไม่ใช่ความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องในครอบครัว อยากจะฝากสังคมหากเกิดเหตุไม่พอใจระหว่างกัน ก็อยากให้มีสติฉุกคิดอย่าใช้ความรุนแรงใส่กัน บ้านเมืองของเรามีกฎหมายก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายในการดำเนินคดีความต่อไป เพราะเมื่อเกิดเหตุแล้วบางครั้งมันไปกระทบกับเด็กที่ไม่ได้รู้เรื่องกับผู้ใหญ่