สิริน ก้าวไกล ซัด กกต. มีข้อผิดพลาดมาก อย่าทำวัวหายแล้วล้อมคอก แนะปรับปรุงการทำหน้าที่ช่วงโค้งสุดท้าย หวั่นซ้ำรอยเลือกตั้งปี 62
เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2566 นายสิริน สงวนสิน ผู้สมัครส.ส.กทม. เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน (ยกเว้นแขวงบางเชือกหนัง) พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ยิ่งมีการร้องเรียนเรื่องความผิดพลาดในการจัดทำเอกสารของ กกต.มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดพบว่า มีการพิมพ์เอกสารรายชื่อพรรคการเมือง ภาพเครื่องหมายพรรค และหมายเลขบัญชีรายชื่อของพรรค ตามแบบ ส.ส.4/23 ที่เป็นภาพขาวดำ และในส่วนที่เป็นเครื่องหมายของพรรคก้าวไกลมีความซีดจางจนไม่สามารถมองเห็นได้เมื่อเทียบกับเครื่องหมายของพรรคอื่นๆ
ตามระเบียบของ กกต.นั้น ต้องติดประกาศเป็นภาพ 4 สี ที่มีความชัดเจน และมีรายละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ แม้ล่าสุด กกต.จะชี้แจ้งว่ามีการเปลี่ยนเป็นเอกสารสีทั้งหมดแล้ว และอ้างว่าเอกสารที่เป็นข่าวนั้น พิมพ์ออกมาชั่วคราวระหว่างรอแบบพิมพ์สี รวมถึงมีเครื่องมือที่ไม่เอื้ออำนวยในการพิมพ์เอกสารสี ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่รับฟังไม่ขึ้น เพราะ กกต.ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และมีหน้าที่โดยตรงในการจัดการเลือกตั้งที่ต้องเตรียมความพร้อมล่วงหน้ามาเป็นอย่างดีแล้ว
การอ้างว่าพิมพ์เอกสารขาวดำเพื่อใช้ชั่วคราวระหว่างรอพิมพ์เอกสารสารสีตามที่ระเบียบ กกต.กำหนดไว้ จึงเป็นเรื่องความซ้ำซ้อน ไร้ประสิทธิภาพ และสิ้นเปลืองทรัพยากรของรัฐโดยใช่เหตุ รวมทั้งยังสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชนถึงวิธีปฏิบัติที่ไม่มีมาตรฐาน
นายสิริน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในพื้นที่อื่น ๆ ยังพบการพิมพ์เอกสารเป็นภาพขาวดำ และจัดทำข้อมูลผู้สมัครระบบแบ่งเขตที่ไม่ถูกต้อง เช่น ชื่อพรรคกับภาพผู้สมัครถูกจัดวางแยกออกจากกันในตำแหน่งที่อาจทำให้เข้าใจผิด เป็นเหตุให้ประชาชนสับสน จนกาหมายเลขผู้สมัครผิดคนได้ รวมถึงกรณีที่เกิดขึ้นกับการเลือกตั้งล่วงหน้าในต่างประเทศที่มีการสลับภาพผู้สมัคร และการตั้งข้อสังเกตถึงซองพัสดุที่บรรจุบัตรเลือกตั้งอาจง่ายต่อการทุจริตและสลับสับเปลี่ยนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อคนบางกลุ่มได้
ความผิดพลาดทั้งหมดนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นในช่วงที่ประเทศกำลังเปลี่ยนผ่านอำนาจ องค์กรกลางอย่าง กกต.ควรเป็นมืออาชีพ และมีความน่าเชื่อถือในการทำงานมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาเรื่องการทุจริตในกระบวนการเลือกตั้ง และเกิดคำถามเรื่องประสิทธิภาพของ กกต.ที่มีหน้าที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือการจัดการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถทำออกมาให้ดีได้เท่ากับงบประมาณที่ประเทศต้องเสียไป
กกต. มีเวลาเตรียมตัวมากกว่า 4 ปีในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ และมีบทเรียนสำคัญอย่างการเลือกตั้งในปี 2562 แทนที่การเลือกตั้งปี 2566 จะราบรื่น แต่กลับเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดที่ไม่น่าเชื่อว่า องค์กรระดับประเทศที่มีหน้าที่โดยตรงจะผิดพลาดในเรื่องสำคัญแบบนี้ได้ การทำวัวหายแล้วล้อมคอกเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเพราะเสมือนเป็นการรอให้เกิดความเสียหายก่อนค่อยออกมาแก้ไข
กกต.ต้องพิจารณาตัวเองว่า งบประมาณแผ่นดินที่จ่ายไปเพื่อเป็นเงินเดือน เป็นสวัสดิการ และเป็นค่าจัดการเลือกตั้งนั้น คุ้มค่าและเกิดประโยชน์กับประชาชนมากน้อยเพียงใด หวังว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งที่เหลืออยู่ประมาณสอง 2 อาทิตย์ กกต.จะกลับมาทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดข้อครหาซ้ำรอยกับการจัดเลือกตั้งในปี 2562 อีก