กลายเป็นประเด็นดราม่าขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อช่วงปี 2564 ได้มีประเด็นเดือดในโลกโซเชียลของกัมพูชาว่า วัดภูม่านฟ้า จังหวัดบุรีรัมย์ได้สร้างเลียนแบบนครวัด มรดกโลกของชาวกัมพูชา แต่ประเด็นดราม่านี้ก็ได้สงบลงไปหลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาได้ออกมาชี้แจงผ่านทางเพจ Facebook แล้วว่า วัดภูม่านฟ้าไม่ได้มีการสร้างเลียนแบบ หรือมีสถาปัตยกรรมคล้ายกับที่นครวัดแต่อย่างใด อีกทั้งทางวัดภูม่านฟ้าเองก็ได้ออกมาชี้แจงว่าการก่อสร้างวัดในครั้งนั้นเกิดจากจินตนาการล้วนๆ ไม่ได้เลียนแบบมาจากทางนครวัด ทำให้ดราม่าร้อนๆ ระหว่างประเทศนี้ได้จบลงไป
แต่มาในวันนี้เหมือนประเด็นดราม่าในคราวก่อนยังคงมีไฟที่พร้อมลุกโชนอยู่เสมอ โดยล่าสุดทางเพจ world forum ข่าวสารต่างประเทศ ได้ออกมาบอกว่าทางโซเชียลของประเทศกัมพูชาเริ่มยกประเด็นการเลียนแบบนครวัดของวัดภูม่านฟ้าขึ้นมาพูดคุยกันอีกครั้ง และหนักถึงขั้นจะฟ้องยูเนสโกเลยด้วย โดยมีใจความดังนี้
“โซเซียลกัมพูชา เดือด มองว่าการสร้างวัดในประเทศไทย ลอกแบบมาจากปราสาทนครวัด เป็นการสร้างเลียนแบบ
จากการแถลงการณ์ กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ กัมพูชา วันที่ 26/09/2023 ไม่ได้ระบุชัดในแถลงการณ์ อาจเพื่อลดกระแสสังคม กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมการก่อสร้างอย่างใกล้ชิด และประสานทางไทยรวมทั้งได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบแล้ว เพื่อไม่ให้ใช้แบบนครวัด
การดรามา เกิดจาก
1.ไทยยื่นทะเบียนมรดกโลกยูเนสโก เมืองโบราณศรีเทพ ขึ้นทะเบียนมรดกโลกสำเร็จ เป็นข่าวดัง และอายุเก่าแก่ ถึง 1,700 ปี
2.กระแส นักท่องเที่ยวในเมืองเสียมราฐ เงียบ ไม่มีนักท่องเที่ยวมาชมนครวัด ซึ่งจากสื่อออนไลน์ระบุว่า เกิดจากข้อห้าม ห้ามถ่ายภาพ ถ่ายคลิป บินโดรน ในนครวัด รวมถึงในเมืองเสียมราฐข่าวเชิงลบเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และกระแสภาพยนตร์จีนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยกกัมพูชาเป็นฐานของขบวนการทำให้นักท่องเที่ยวไม่มาเสียมราฐหลายเดือนแล้ว เศรษฐกิจซบเซาหนัก
3.กระแสสื่อออนไลน์ในกัมพูชา แสดงภาพไทยมีนักท่องเที่ยวจนล้นสนามบิน และเยาวราชมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
4.กลัวว่า วัดภูม่านฟ้า จะมีนักท่องเที่ยวมากกว่านครวัดในอนาคต เพราะไทยจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ดี และเป็นฮับการท่องเที่ยวอยู่แล้วในปัจจุบัน
#โซเซียล กัมพูชากำลังมีประเด็นเรื่องนี้จำนวนมากในสัปดาห์นี้ ถึงขั้นจะฟ้องยูเนสโก”